จริงหรือไม่? ทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง อาจถึงตายได้

จริงหรือไม่? ทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง อาจถึงตายได้

จริงหรือไม่? ทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง อาจถึงตายได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครหลายๆ คนที่กำลังอ่านอยู่อาจจะเคยเกิดอาการแฮงค์ หรือเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักหน่วงมาเมื่อคืน ตื่นเช้าเกิดอาการปวดหัวจนต้องพึ่งยาพาราเซตามอลกันมาบ้างแล้วนะคะ แต่เมื่อมีข่าวในโลกออนไลน์ออกมาบอกว่า “การทานยาพาราเซตามอล แก้เมาค้าง อาจทำให้เป็นพิษต่อตับ จนอาจเสียชีวิตได้” Sanook! Health จึงหาคำตอบมาให้ว่า เป็นความจริงหรือไม่ค่ะ

 

ยาพาราเซตามอล ทำให้ตับพังได้จริงหรือ?

หากรับประทานยาพาราเซตามอลในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจทำให้ตับเป็นพิษได้เหมือนกัน ดังจะเห็นว่าที่ข้างขวดของยาพาราเซตามอล หรือที่ฉลากยาจะเขียนว่า ควรทานครั้งละ 1-2 เม็ด ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือเฉพาะเวลาที่มีไข้ ปวดศีรษะ และห้ามทานติดต่อกันเกิน 5 วัน ดังนั้นทางที่ดี หากทานพาราเซตามอลสัก 1-2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ

 

แล้วทานพาราเซตามอล หลังดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ตับเป็นพิษจนเสียชีวิตได้หรือไม่?

ในกรณีของการใช้ยาพาราเซตามอล หลังการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวคือ การทานยาพาราเซตามอล เพื่อแก้อาการปวดศีรษะหลังอาการเมาค้าง ไม่ได้ทำให้ตับเป็นพิษ หรือเกิดอาการผิดปกติอื่นๆ จนทำให้เสียชีวิตอย่างที่บางส่วนเข้าใจกัน เพราะไม่ได้ทานยาพาราเซตามอลนานๆ หรือในจำนวนเม็ดที่มากกว่า 2 เม็ดขึ้นไป ก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด

 

วิธีทานยาพาราเซตามองให้ถูกวิธี

ทานครั้งละ 1 เม็ดก็อาจจะเพียงพอ ไม่มีความจำเป็นต้องทาน 2 เม็ดในทุกๆ ครั้งที่ทาน (เว้นแต่หากปวดหัวไมเกรน อาจจะต้องเปลี่ยนตัวยาแทน) นอกจากนี้ดื่มน้ำตามเยอะๆ ห้ามทานยากับเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า พักผ่อนให้เพียงพอ หากไม่มีอาการปวดหัว หรือเริ่มมีไข้ชึ้นสูงอีกครั้ง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทานยาพาราเซตามอลต่อจนหมดก็ได้ แต่หากทานยาแล้วอาการดีขึ้นหลังทานยา พอยาหมดฤทธิ์อาการก็กลับมาอีกเป็นเวลาหลายวัน ควรหยุดทานยาแล้วรีบพบแพทย์ดีกว่าค่ะ

 


ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊คเพจ Drama-Addict, pharmacy.mahidol.ac.th 
ภาพประกอบ istockphoto

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook