"แซลมอน" แบบไหน ถึงจะดีต่อสุขภาพที่สุด
ใครที่ชอบกิน "แซลมอน" ไม่ควรพลาดสาระน่ารู้ในวันนี้จาก Hello คุณหมอ เพราะในบทความต่อไปนี้จะพูดถึงประโยชน์ของ ปลาแซลมอน ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ รวมถึงคำแนะนำที่ว่ากรรมวิธีการปรุงแซลมอนแบบไหนที่จะทำให้ผู้รับประทานได้คุณประโยชน์จากเนื้อแซลมอนมากที่สุด
ประโยชน์ของแซลมอน
ปลาแซลมอน เป็นเนื้อปลาที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย ดังนี้
- เป็นแหล่งของวิตามินบี ซึ่งวิตามินบี ดีต่อสุขภาพหัวใจและสมอง และยังช่วยลดการอักเสบอีกด้วย
- กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3) เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับผ่านการรับประทานอาหาร ซึ่งแซลมอนอัดแน่นไปด้วยสารอาหารชนิดนี้
- มีโพแทสเซียมสูง สารโพแทสเซียมในปลาแซลมอน ช่วยในการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่สมดุล
- อัดแน่นไปด้วยสารซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งดีต่อกระดูก กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ที่ดีต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง และช่วยในเรื่องของผิวพรรณด้วย
วิธีปรุงแซลมอนที่อร่อย และดีต่อสุขภาพที่สุดมีอะไรบ้าง
ปลาแซลมอน เป็นเนื้อปลาที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ ซึ่งรูปแบบของกรรมวิธีที่แตกต่างกัน ก็จะมีการลดและคงคุณค่าทางสารอาหารของเนื้อแซลมอนที่ต่างกันด้วย ดังนี้
- ปลาแซลมอนย่าง
การปรุง ปลาแซลมอน ด้วยการย่างบนเตา ถือเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพ เพราะการย่างเนื้อแซลมอนจะไม่เป็นการเพิ่มไขมันแบบอื่น นอกเสียจากน้ำมันที่ใช้เคลือบเตาหรือหรือตะแกรงเท่านั้น และยังไม่เป็นการลดคุณภาพและคุณค่าทางสารอาหารของเนื้อปลาด้วย
ข้อสำคัญคือ: ไม่ควรย่างเกิน 10-15 นาที
- ปลาแซลมอนลวก
การลวก ปลาแซลมอน เป็นหนึ่งในวิธีที่รักษาคุณค่าทางสารอาหารของแซลมอนไว้ได้ครบถ้วน และยังได้เนื้อแซลมอนที่อ่อนนุ่มอีกด้วย
ข้อสำคัญคือ: อย่าลวกนานจนเกินไป ให้ลวกเนื้อแซลมอนแค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เนื้อปลาก็พร้อมที่จะตักเสิร์ฟได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่เร็วและง่ายที่สุดในการที่จะทำให้เนื้อปลาอร่อยและคงคุณประโยชน์ไว้
- ปลาแซลมอนอบ
การไม่เพิ่มไขมันให้กับเนื้อของ ปลาแซลมอน ถือเป็นแนวทางของการรับประทานแซลมอนที่ดีต่อสุขภาพ การปรุงแซลมอนด้วยการอบในเตาอบเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ในข้อนี้ เพราะจะไม่เป็นการเพิ่มไขมันให้กับเนื้อปลา เพียงแต่ควรระวังเรื่องส่วนผสมหรือวัตถุดิบประเภทอื่นๆ ที่จะนำไปอบร่วมเท่านั้น เพราะซอสบางอย่างหรือวัตถุดิบบางอย่างอาจเพิ่มไขมันและแคลอรีให้กับแซลมอนได้ วิธีนี้อาจใช้เวลานานกว่าวิธีอื่นๆ โดยใช้เวลาอยู่ที่ 20-30 นาที หรือขึ้นอยู่การเลือกอุณหภูมิในการอบ
- ปลาแซลมอน แบบรมควัน
การรมควันแซลมอน ไม่ได้ทำให้เนื้อแซลมอนเสียคุณประโยชน์จนไม่ดีต่อสุขภาพ แต่อาจจะไปลดปริมาณของสารโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ให้ลดลงไปบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อเทียบกับปลาแซลมอนสด กับ ปลาแซลมอนกระป๋องแล้ว พบว่าแซลมอนที่รมควันให้สารโอเมก้า 3 ที่น้อยกว่า
- ปลาแซลมอนกระป๋อง
อาจจะฟังดูแล้วชวนขมวดคิ้ว แต่ปลาแซลมอนกระป๋องจัดว่าเป็นอีกหนึ่งการถนอมอาหารที่ทำให้เนื้อปลายังเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่ากรรมวิธีการปรุงแบบอื่น ๆ ด้วย แต่สิ่งสำคัญที่จะเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้แซลมอนกระป๋องมากขึ้นไปอีก คือ การนำมารับประทานร่วมกับวัตถุดิบที่มีประโยชน์อื่นๆ ทั้งผักและเนื้อสัตว์
- ปลาแซลมอนดิบ
ปลาแซลมอนดิบ มักมาในรูปแบบเมนูอย่าง ซูชิ หรือ ซาชิมิ ซึ่งข้อดีของปลาแซลมอนดิบคือ มีความสด และยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 เพราะยังไม่ถูกนำไปผ่านกรรมวิธีใดๆ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า ปลาแซลมอน นั้นมีความสดใหม่จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการปรุง ปลาแซลมอน ด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ วัตถุดิบที่นำมารับประทานหรือปรุงร่วมกับเนื้อแซลมอน โดยวัตถุดิบที่จะช่วยชูรสชาติของแซลมอน และให้คุณค่าทางสารอาหาร ได้แก่ เลมอน สลัดมันฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลีดาว วอลนัท ไวน์ขาว หรืออาจเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชอื่นๆ ได้ตามความต้องการ