วิธีรักษา "รอยแผลเป็น" จาก "อีสุกอีใส" อย่างได้ผล

วิธีรักษา "รอยแผลเป็น" จาก "อีสุกอีใส" อย่างได้ผล

วิธีรักษา "รอยแผลเป็น" จาก "อีสุกอีใส" อย่างได้ผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคอีสุกอีใส (Varicella Zoster หรือ Chickenpox) เป็นโรคจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลล่า (Varicella Zoster Virus) พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้ออกผื่น คือ เริ่มจากมีไข้ต่ำ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีผื่นตามลำตัว ลามไปที่ใบหน้า และแขนขา จนทำให้เกิดอาการคัน จากนั้น ผื่นก็จะกลายเป็นตุ่มพอง และตกสะเก็ดภายในเวลา 5-20 วัน แต่หลังจากอีสุกอีใสหายแล้ว ก็ใช่ว่าความกังวลใจจะหมดสิ้น เพราะอีสุกอีใสมักทิ้งรอยแผลเป็น หรือรอยดำไว้บนผิวหนัง ยิ่งหากใครเกา รอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส ก็จะยิ่งเห็นชัด แต่อย่าเพิ่งเครียด เพราะวันนี้ เรามี วิธีรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส อย่างได้ผลจริงมาฝากแล้ว


วิธีรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส

คุณสามารถรักษา หรือลบรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • วิตามินอี

ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นเผยว่า วิตามินอีสามารถช่วยรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสได้จริง แต่การศึกษาวิจัยบางชิ้นก็ระบุเพิ่มเติมว่า วิตามินอีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีผื่น เกิดอาการคัน ฉะนั้น ก่อนคุณจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีมาลบรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส เราแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน

และควรทดสอบการแพ้ด้วยการทาผลิตภัณฑ์วิตามินอีที่ท้องแขนหรือข้อพับในพื้นที่ขนาดประมาณเหรียญสิบ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกันประมาณ 3-5 วัน หากไม่แพ้จึงค่อยนำมาทารักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสในจุดที่ต้องการ

  • โกโก้บัตเตอร์

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของโกโกบัตเตอร์ หรือเนยโกโก้ (Cocoa butter) ซึ่งเป็นไขมันจากเมล็ดโกโก้สามารถช่วยลบรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสที่กวนใจคุณอยู่ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้รอยแผลเป็นนุ่มขึ้น ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะที่อาจทำให้รอยดำจากอีสุกอีใสเข้มขึ้นด้วย

  • น้ำมันโรสฮิป

น้ำมันโรสฮิป หรือโรสฮิปออยล์ (Rosehip oil) เป็นอีกหนึ่งสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยลดเลือดรอยแผลเป็น และรอยดำจากอีสุกอีใสได้ โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2005 พบว่า การทารอยแผลเป็นที่เพิ่งเกิดใหม่ด้วยน้ำมันโรสฮิปทุกวัน เป็นเวลาติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ช่วยทำให้รอยแผลเป็นดูดีขึ้น และช่วยลดรอยแดง หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ด้วย

หากคุณผิวแพ้ง่าย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทดลองทาน้ำมันโรสฮิปกับผิวกายในบริเวณเล็กๆ ก่อน หรือหากใครรู้สึกว่าน้ำมันโรสฮิปกลิ่นแรงไป ก็สามารถผสมกับน้ำมันหอมระเหยชนิดอื่นที่ชื่นชอบได้

  • การสครับผิว หรือผลัดเซลล์ผิว

การสครับผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ ฉะนั้น เมื่อคุณสครับผิวบริเวณที่มีรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสเป็นประจำ ก็อาจช่วยขจัดเนื้อเยื่อบางส่วนที่ขรุขระหรือมีสีดำ ๆ ด่าง ๆ ออกไป และเผยผิวใหม่ที่ดูสดใสกว่า

โดยคุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ หรืออุปกรณ์สครับผิวจากธรรมชาติได้ เช่น ใยบวบ หินขัดผิว แต่แนะนำว่าอย่าขัดผิวแรงเกินไป หรือหากเป็นผิวหน้า ก็ไม่ควรใช้หินขัดผิว หรืออุปกรณ์ที่แข็งเกินไป เพราะจะทำให้ผิวยิ่งระคายเคือง

  • ทาครีมที่ช่วยลดรอยแผลเป็น

ครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็น หรือรักษาสิวที่มีส่วนผสมของเรตินอล กรดไกลโคลิก (กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือเอเอชเอ) ที่ขายตามร้านขายยา ก็อาจช่วยรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสได้ โดยผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งเผยว่า อาสาสมัครกว่า 90 % ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเหล่านี้ รอยสิวลดเลือนลงไปอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้น ส่วนผสมเหล่านี้ก็อาจช่วยลดเลือดรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับรอยสิวได้เช่นกัน


วิธีรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสโดยแพทย์

หากรอยดำ หรือรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสของคุณนั้นเห็นชัด หรือรุนแรง คุณก็อาจต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และวิธีที่แพทย์นิยมใช้ส่วนใหญ่ ได้แก่

  • การฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม (Soft-tissue fillers) เช่น กรดไฮยาลูรอนิก ไขมัน เข้าไปที่รอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส จะช่วยให้รอยแผลเป็นที่มีลักษณะยุบหรือบุ๋มลงไปนั้น ตื้นหรือดูเรียบเนียนเสมอกันมากขึ้นได้ แต่การฉีดฟิลเลอร์นั้นก็ให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น และคุณอาจต้องฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสซ้ำทุก 6 เดือน

  • การใช้เทคนิคไมโครนีดดิ้ง

เทคนิคไมโครนีดดิ้ง (Microneedling) เป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedle) จำนวนหลายๆ เล่มทิ่มลงไปบนผิวหน้าซ้ำๆ จนทั่วบริเวณที่ต้องการ เพื่อให้เกิดบาดแผลขนาดเล็ก ซึ่งร่างกายของเราจะมีกลไกสมานแผลที่เกิดขึ้นเหล่านั้น โดยการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้น

แต่การรักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสด้วยการไมโครนีดดิ้งนี้อาจต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง และอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเริ่มเห็นผล

  • การผ่าตัด

การผ่าตัดหลุมสิว (Punch excision) เป็นการตัดรอยหลุมสิวออก แล้วเย็บแผลให้ติดกัน ซึ่งวิธีนี้ก็นิยมใช้รักษารอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสเช่นกัน ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้วิธีนี้เมื่อคุณมีรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก เป็นร่อง หรือเป็นรอยบุ๋ม เมื่อผ่าตัดแล้ว จะเหลือเพียงรอยแผลเป็นบางๆ (Linear Scar) ที่สามารถใช้วิธีอื่นในการรักษาต่อไปได้ง่ายขึ้น

  • การรักษาด้วยเลเซอร์

การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser therapy) ถือเป็นวิธีรักษารอยแผลเป็นโดยแพทย์ที่นิยมใช้มากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะสามารถใช้ได้กับทั้งรอยแผลใหม่และรอยแผลเก่า ทั้งรอยบุ๋มและรอยนูน และยังสามารถทำให้รอยดำจางลงได้อีกด้วย โดยคุณอาจต้องใช้รูปแบบในการเลเซอร์หลายอย่าง และรักษาด้วยเลเซอร์หลายครั้ง รอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสจึงจะลดเลือนลงตามที่ต้องการ


วิธีป้องกันรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส

หากคุณเป็นอีสุกอีใส แต่ไม่อยากต้องมานั่งเครียดจัดเพราะอีสุกอีใสตกสะเก็ดแล้วทิ้งรอยแผลเป็นรุนแรงเอาไว้ จนต้องมาเสียเงินและเสียเวลารักษา วิธีต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกันหรือลดระดับความรุนแรงของรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสที่จะเกิดขึ้นได้

  1. พยายามอย่าเกา หากกลัวห้ามใจไม่ไหว อาจสวมถุงมือกันร้อน หรือถุงมือที่ใช้กับไมโครเวฟหรือเตาอบก็ได้ จะได้เกาไม่ถนัด

  2. แต้มครีมหรือโลชั่นที่ช่วยปลอบประโลมผิวบริเวณตุ่มพอง เช่น โลชั่นที่มีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ เจลว่านหางจระเข้

  3. แต้มครีมหรือโลชั่นแก้คัน เช่น คาลาไมน์โลชั่น ที่บริเวณตุ่มพอง เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน จะได้ไม่เกา

  4. กินยาต้านอีสตามีน หรือยาแก้แพ้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook