ตระหนักแต่ไม่ตระหนก! แยกให้ออกระหว่างความต่างของ 4 โรค

ตระหนักแต่ไม่ตระหนก! แยกให้ออกระหว่างความต่างของ 4 โรค

ตระหนักแต่ไม่ตระหนก! แยกให้ออกระหว่างความต่างของ 4 โรค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ไปทั่วโลก ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่อดรู้สึกหวาดระแวงเวลาตัวเองไอ จาม หรือมีไข้อ่อนๆ ไม่ได้ว่า ตนติดเชื้อหรือยัง อาการแบบนี้แปลว่า ฉันเป็นหวัด หรือติดโควิด-19 กันแน่

อย่าปล่อยให้อาการตื่นตระหนกเกาะกุมจิตใจจนคุณใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่เป็นสุข ทางที่ดีที่สุดคือ ทำความรู้จักความแตกต่างของ 4 โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อย่างไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ และโควิด-19 โดยละเอียด จะได้รู้ว่าในความเหมือนมีความต่าง คุณควรจำแนกอาการของแต่ละโรคให้ถูก จะได้รู้เท่าทันและรักษาอย่างถูกวิธี

เริ่มกันที่ไข้หวัดที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ไข้หวัดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ โดยผู้ป่วยจะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมา ไอมีเสมหะ จาม เจ็บคอ เสียงแหบ ปวดศีรษะเล็กน้อย และอาจมีไข้ต่ำๆ

ด้วยความที่โรคหวัดนั้นไม่รุนแรงมาก ผู้ป่วยมักเป็นไข้หวัดไม่เกิน 2-5 วันก็สามารถหายได้เอง แต่อาจมีน้ำมูกไหลต่อเนื่องนาน 10-14 วัน ซึ่งน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะนี้เองที่เป็นพาหะในการแพร่เชื้อหวัดไปสู่ผู้อื่นได้ ผ่านการหายใจเอาเชื้อที่กระจายจากการไอ จาม หรือมือที่เปื้อนเชื้อโรคสัมผัสจมูกหรือตา

สำหรับไข้หวัดใหญ่นั้นมีอาการที่หนักและใหญ่กว่าไข้หวัดสมชื่อ โดยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) โดยมีทั้งไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่อาการไม่รุนแรงเท่ากับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยอาการของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่สังเกตได้ชัดคือ มีไข้สูงติดกันหลายวัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอแห้งๆ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ

ส่วนโรคภูมิแพ้นั้นถือเป็นหนึ่งในโรคที่คนในปัจจุบันเป็นกันมากขึ้น โดยเป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ เช่น ผื่นคัน คันจมูก จาม มีน้ำมูก คัดจมูก ไปจนถึงไอ หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่คล่อง ฯลฯ

สำหรับการติดเชื้อโควิด-19 นั้น ในรายที่มีอาการไม่รุนแรงมากนั้น จะมีลักษณะเหมือนไข้หวัดทั่วไป เริ่มจากมีอาการไข้ รู้สึกเมื่อยล้า มีอาการไอแห้งๆ หายใจลำบาก บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย ส่วนรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจทำให้ปอดอักเสบได้ ทำให้รูปแบบการรักษาจึงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ เพื่อการป้องกันและดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจึงเป็นวิธีเรียนรู้ไวรัสโควิด-19 ที่ดีที่สุด

จะเห็นได้ว่า ทั้งไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้นั้น ล้วนเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่มีบางอาการทั้งคล้ายและแตกต่างกัน เช่นเดียวกับความคล้ายคลึงกับอาการติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้น คุณจึงควรแยกแยะอาการของโรคให้ถูกเสียก่อน จะได้ทำการรักษาดูแลตัวเองเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องก่อนพบแพทย์

สำหรับไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่นั้น ส่วนมากผู้ป่วยสามารถหายได้เองเมื่อพักผ่อนเพียงพอ ทานยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือยาละลายเสมหะ ส่วนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรดูแลตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และควรใช้ยาตามแพทย์สั่ง เช่น ยาบรรเทาอาการแพ้กลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วง และอาจล้างจมูกหรือพ่นยาจมูกเพื่อช่วยลดป้องกันไม่ให้เกิดอาการกำเริบได้

ทั้งนี้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้ เป็นโรคที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่งได้ ในขณะที่โควิด-19 นั้นเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายของมนุษย์ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่คุณก็สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยตัวเอง ด้วยการหมั่นล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ หลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสหน้าตา หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนแออัด เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างพอดี เท่านี้คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันเชื้อโควิด-19 ไม่ให้ลุกลามได้แล้ว

ข้อมูลจาก: กรมสุขภาพจิต https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30283

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook