แพทย์เตือน "แคะหูบ่อย" ระวัง เสี่ยงเป็น "โรคเชื้อราในช่องหู"

แพทย์เตือน "แคะหูบ่อย" ระวัง เสี่ยงเป็น "โรคเชื้อราในช่องหู"

แพทย์เตือน "แคะหูบ่อย" ระวัง เสี่ยงเป็น "โรคเชื้อราในช่องหู"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครที่ชอบแคะหูอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการอาบน้ำ ที่จะต้องนำคัตตอนบัดหรือสำลีมาปั่นหูเป็นประจำ พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการขี้อุดตัน หูอื้อ แก้วหูทะลุ รวมถึงเสี่ยงต่อ “โรคเชื้อราในช่องหู” อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปรู้จักกับโรคเชื้อราในช่องหูให้ละเอียดมากขึ้น

โรคเชื้อราในช่องหู (Otomycosis) คืออะไร?

โรคเชื้อราในช่องหู (Otomycosis)  หมายถึง หูชั้นนอกมีการติดเชื้อรา ทำให้หูเกิดการอักเสบ และมีกลิ่นเหม็นภายในช่องหู โดยโรคเชื้อราในช่องหูนั้นมักพบในคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศอบอุ่นหรือร้อนชื้น และผู้ที่เล่นกีฬาว่ายน้ำ รวมถึงผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคผิวหนัง เป็นต้น อย่างไรก็ตามโรคเชื้อราในช่องหูนั้นไม่ใช่โรคอันตราย ร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อ


โรคเชื้อราในช่องหูเกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคเชื้อราในช่องหูเกิดจากเชื้อราเกือบ 60 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน พบได้บ่อยที่สุดคือเชื้อราสายพันธุ์แอสเปอร์จิลลัส (Aspergillus) และแคนดิดา (Candida) นอกจากนี้แบคทีเรียบางชนิดสามารถรวมกับเชื้อราและทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องหู ดังนี้

  • ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศร้อนชื้น มีแนวโน้มในการเกิดเชื้อราในช่องหูมากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในภูมิอากาศอื่นๆ เนื่องจากเชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่อากาศร้อนชื้นนั่นเอง

  • นักกีฬาว่ายน้ำ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องหูได้มากกว่าคนปกติทั่วไป หากว่ายน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด

  • ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวเรื้อรัง ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อดังกล่าวนี้


หูอื้อ เรียกไม่ค่อยได้ยิน สัญญาณเตือนของอาการโรคเชื้อราในช่องหู

อาการหูอื้อนั้น เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของโรคเชื้อราในช่องหู อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในหูข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในบางกรณีอาจพบในหูสองข้างพร้อมๆกันได้ และพบว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยดังนี้

  • ความสามารถในการได้ยินลดลง

  • หูชั้นนอกเกิดการอักเสบ

  • มีของเหลวไหลออกมาจากหูเป็นสีขาว สีเหลือง สีเทา สีดำ หรือสีเขียว

  • หูมีอาการบวมแดง

  • รู้สึกเจ็บปวดบริเวณหูชั้นนอก


วิธีรักษาและการป้องกัน

โรคเชื้อราในช่องหูมีวิธีการรักษาด้วยกันหลายวิธี โดยแพทย์จะทำความสะอาดในรูหูอย่างละเอียด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตกค้างภายในรูหูออกมา และใช้ยาหยอดหูเพื่อต้านเชื้อราในช่องหู เช่น ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) หรือยาที่มีส่วนผสมของกรดแอซีติก (Acetic acid)  โดยมีวิธีในการป้องกันการเกิดเชื้อราในช่องหูดังต่อไปนี้

  1. ใช้ที่อุดหูขณะว่ายน้ำเพื่อป้องกันน้ำเข้าหู

  2. หลีกเลี่ยงการเกา หรือ แคะ บริเวณด้านนอกและในรูหู

  3. ปล่อยให้หูแห้งเอง หลังอาบน้ำหรือหลังว่ายน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้สำลีในการทำความสะอาดรูหู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook