รู้แล้วรอด "ความดันโลหิตสูง" ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

รู้แล้วรอด "ความดันโลหิตสูง" ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

รู้แล้วรอด "ความดันโลหิตสูง" ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคความดันโลหิตสูง คือสภาวะของระดับความดันโลหิตสูงกว่าระดับปกติ โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีความดันโลหิตปกติ จะวัดค่าความดันได้ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะวัดค่าความดันได้ตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป และถือว่าเป็นสภาวะที่ต้องได้รับการควบคุมตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากอาจนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนและโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดในสมอง โรคไตเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น


ความดันโลหิตสูง สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

ผศ. นพ.ภาวิทย์ เพียรวิจิตร สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูงคือผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่า 90-95 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร ทำให้โรคความดันโลหิตสูงถูกขนานนามว่า “โรคเพชฌฆาตเงียบ” โดยทางการแพทย์นั้นได้อธิบายโรคความดันโลหิตสูงนี้ว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์ เช่น เกิดจากกรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะพบได้มากในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40-50 ปีขึ้นไป หรือวัยหมดประจำเดือน


วิธีรักษาโรคความดันโลหิตสูง

แม้โรคความดันโลหิตสูงจะเป็นโรคที่อันตราย แต่ก็เป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ในระยะยาว หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงที โดยเบื้องต้นจะรักษาด้วยวิธีการให้ยาลดความดันโลหิตเพื่อรักษาระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากการรับประทานยาแล้ว ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้


สิ่งที่ควรทำ

  • หมั่นตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก และผลไม้ชนิดที่ไม่หวาน

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

  • ออกกำลังเป็นประจำ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

  • รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ ไม่เครียด


สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • งดการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ตีบตัน ของหลอดเลือดต่างๆ รวมทั้งหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดไต

  • ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์

  • ลดอาหารเค็ม หรืออาหารที่มีโซเดียมมากเกินไป เช่น กะปิ นํ้าปลา ของหมักดอง

  • ลดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อติดมัน หนังสัตว์ ไข่แดง หอยนางรม อาหารประเภทผัดหรือทอด

  • ลดน้ำตาล เช่น น้ำหวาน อาหารหรือขนมที่มีรสหวาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook