เอาชนะภูมิแพ้ กับ 10 วิธีดูแลตัวเองเมื่อภูมิแพ้กำเริบ

เอาชนะภูมิแพ้ กับ 10 วิธีดูแลตัวเองเมื่อภูมิแพ้กำเริบ

เอาชนะภูมิแพ้ กับ 10 วิธีดูแลตัวเองเมื่อภูมิแพ้กำเริบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาการภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น 3 - 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบจาก 10 ปีที่แล้ว โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มลภาวะ และการอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ ละอองเกสร และขนสัตว์

โดยภูมิแพ้เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารภูมิแพ้มากกว่าปกติ ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่อระบบอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงในการแพ้ของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม “ภูมิแพ้เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้” หากรู้ตัวเองว่าแพ้อะไร เพื่อการบรรเทาและป้องกันอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่าการดูแลรักษาอาการภูมิแพ้สามารถทำได้ด้วยวิธีใด

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี รวมถึงซ่อมแซมภูมิคุ้มกันที่บกพร่องให้กลับมาแข็งแรงและทำงานได้อย่างปกติด้วย ผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป และควรเลือกออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค ปั่นจักรยานหรือวิ่ง เพราะเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายสามารถดึงออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น

  1. พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่นแจ่มใส

การนอนหลับสนิทในช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่มถึงตี 2 และการนอนให้ได้ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อคืน เป็นวิธีที่จะช่วยซ่อมแซมภูมิคุ้มกันและระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ส่วนการรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่นแจ่มใสก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการเครียดหรือกังวลจะเป็นส่วนกระตุ้นให้อาการของโรคภูมิแพ้หนักขึ้นได้

  1. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยรักษาอาการภูมิแพ้

การเลือกทานอาหารจากธรรมชาติที่สะอาดและช่วยรักษาอาการภูมิแพ้เป็นอีกหนึ่งวิธีเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย อาหารบางอย่างช่วยต่อสู้และบรรเทาอาการแพ้ได้เป็นอย่างดี เช่น อาหารที่มีไบโอติกส์ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อาหารที่มีแมกนีเซียม โอเมก้าสาม และไบโอฟลาโวนอยด์ เป็นต้น

  1. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อาการแพ้กำเริบหนักขึ้นได้ เนื่องจากสารในแอลกอฮอล์และควันบุหรี่มีส่วนทำให้ระบบหายใจติดขัด นอกจากหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีควันบุหรี่ด้วย

  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้

สำหรับผู้ป่วยที่แพ้อาหาร สิ่งที่ควรระมัดระวังมากที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงอาหารหรือส่วนผสมในอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้นั่นเอง ก่อนซื้อหรือทานอะไรควรตรวจสอบส่วนผสมอาหารหรือฉลากให้ชัดเจน

  1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ

สารก่อภูมิแพ้โดยทั่วไปคือฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ หญ้าหรือวัชพืช เชื้อราในอากาศ และสัตว์เลี้ยงบางชนิด เมื่อรู้ตัวว่าแพ้อะไรก็ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เหล่านั้น เช่น ผู้แพ้สัตว์เลี้ยงไม่ควรนำสัตว์ดังกล่าวเข้ามาในบริเวณบ้าน ผู้แพ้ละอองเกสรต่างๆ ควรตัดหญ้าหรือวัชพืชในสนามบ่อยๆ เพื่อลดจำนวนละอองเกสรหรือป้องกันละอองเกสรเข้าบ้านโดยการปิดหน้าต่างในช่วงเวลาสายและบ่ายเนื่องจากเป็นเวลาที่มีเกสรในอากาศสูงที่สุด

นอกจากนี้การทำความสะอาดบ้าน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในบ้านโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องนอนเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องไรฝุ่นและเชื้อราในอากาศได้ เครื่องดูดฝุ่นก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์การทำความสะอาดที่ดีจำเป็นสำหรับผู้มีอาการภูมิแพ้เช่นกัน เพราะสามารถลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในขณะทำความสะอาดบ้าน และการจัดบ้านให้โล่ง ไม่ปูพรมภายในบ้าน และเลือกใช้เครื่องนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์แทนนุ่นหรือขนนก ก็ยังช่วยลดจำนวนไรฝุ่นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้อีกด้วย

  1. เช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ก่อนออกจากบ้านและสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ

ในปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถเช็คค่าฝุ่น pm 2.5 ได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นผู้มีอาการแพ้ควรเช็คค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านเสมอ หากวันใดมีค่าฝุ่นเยอะเกินไปควรหลีกเลี่ยงการออกข้างนอกหรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบป้องกันฝุ่นที่มีประสิทธิภาพป้องกันฝุ่นขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี เช่น หน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นต้น

  1. ใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน

เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการป้องกันอาการแพ้ เพราะสามารถกำจัดฝุ่นละออง ไรฝุ่น ความชื้น เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่มาพร้อมกับอากาศได้เป็นอย่างดี โดยเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอนเลยทีเดียว

  1. ฉีดวัดซีนแก้ภูมิแพ้

 

การฉีดวัคซีน คือ การรักษาอาการภูมิแพ้ด้วยการฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของอาการเข้าไปในร่างกายทีละน้อยแล้วค่อยเพิ่มจำนวนขึ้น ถือเป็นการสร้างภูมิต้านทานโรคอีกวิธีหนึ่ง โดยควรฉีดต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง – 5 ปี

  1. รับประทานยาแก้แพ้

เนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมได้แบบ 100% ดังนั้นการพกยาแก้แพ้ติดตัวไว้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นสำหรับผู้มีอาการภูมิแพ้ หลายคนอาจกังวลว่ายาแก้แพ้จะทำให้เกิดอาการง่วงซึ่งเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในปัจจุบันมียาแก้แพ้ที่ไม่ทำให้ง่วง เช่น ยาอัลเลอร์นิค (Alllernix) ออกวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งการรับประทานยาแก้แพ้ตัวนี้เป็นวิธีที่สามารถดูแลทุกการแพ้ได้เป็นอย่างดี ทานเพียงแค่วันละ 1 เม็ดก็ช่วยบรรเทาอาการแพ้ชนิดต่างๆ ได้ โดยจะเลือกทานตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน หรือทานเมื่อมีอาการก็ได้ รับรองว่าช่วยรักษาอาการแพ้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน

Facebook : GEDGoodLife
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook