อันตราย! กิน "ลูกเนียงดิบ" ปริมาณมาก เสี่ยง "ไตวายเฉียบพลัน"

อันตราย! กิน "ลูกเนียงดิบ" ปริมาณมาก เสี่ยง "ไตวายเฉียบพลัน"

อันตราย! กิน "ลูกเนียงดิบ" ปริมาณมาก เสี่ยง "ไตวายเฉียบพลัน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือน กิน "ลูกเนียง" ในปริมาณมากเสี่ยงอันตรายจากสารพิษ "กรดเจงโคลิค" ทำลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลง เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน แนะต้มให้สุก หรือหั่นชิ้นบางๆ แล้วนำไปตากแดดก่อนลดพิษในลูกเนียงให้น้อยลงได้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (ปี 2559-2563) พบเหตุการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานพืชทุกปี รวม 7 เหตุการณ์ จำแนกเป็น พิษจากกลอย 3 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยรวม 65 คน มีผู้เสียชีวิต 2 คน พิษจากสบู่ดำ 1 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 5 คน พิษจากว่านจักจั่น 2 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 2 คน และล่าสุด พบจากพิษลูกเนียง 1 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 1 คน

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุด พบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทาน “ลูกเนียง” ดิบปริมาณมากจิ้มน้ำพริก ในพื้นที่จังหวัดตาก โดยมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย ปัสสาวะลำบากมาก เป็นเลือดแดงสด และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออก ผลตรวจปัสสาวะพบตะกอนเหลืองขุ่น เมื่อส่องกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็มของกรดอะมิโนชื่อ กรดเจงโคลิก และมีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจำนวนมาก ตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน


อันตรายจากลูกเนียง

การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่า ในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานลูกเนียงได้ เนื่องจากในช่วงนี้ของทุกปีเป็นฤดูกาลที่ต้นลูกเนียงเริ่มให้ผลผลิตและออกสู่ตลาด ทำให้ประชาชนเก็บหรือซื้อมารับประทาน ซึ่งการรับประทานในปริมาณที่มากจะทำให้เกิดอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษได้

“ลูกเนียง” หรือ “เมล็ดเนียง” ประชาชนภาคใต้นิยมกินกับน้ำพริกหรือแกงพุงปลา หรือนำมาต้มทำของหวาน ส่วนที่นำไปกินคือ เมล็ดข้างในเปลือก มีกลิ่นฉุน รสชาติมัน อร่อย กินได้ทั้งผลอ่อนและแก่ ลูกเนียงมีสรรพคุณช่วยควบคุมเบาหวาน และขับปัสสาวะ แต่ในด้านความเป็นพิษพบว่ามีสารพิษที่เรียกว่า "กรดเจงโคลิค" เป็นกรดอะมิโนที่มีกรดกำมะถันสูงมาก สารพิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลง หากอาการรุนแรงจะทำให้ไตล้มเหลวจนถึงเสียชีวิตได้ อาหารเป็นพิษจากลูกเนียงโดยทั่วไปพบได้น้อย


วิธีสังเกตอาการหลังได้รับพิษลูกเนียง

โดยรายที่มีอาการพบว่า กินลูกเนียงดิบปริมาณมาก แล้ว 2-14 ชั่วโมงต่อมา จะมีอาการดังนี้

  • ปวดบริเวณขาหนีบ
  • ปัสสาวะลำบาก
  • ปวดปัสสาวะมาก
  • น้ำปัสสาวะขุ่นข้นเป็นสีน้ำนม
  • อาจปัสสาวะเป็นเลือด
  • บางรายมีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน
  • ในรายที่รุนแรงขึ้นอาจปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเรียกว่าเป็น “นิ่ว” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “มัด” และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 3-4 วัน
  • บางรายมีไข้ต่ำ ปัสสาวะน้อย และมีความดันโลหิตสูงได้

กรมควบคุมโรค ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการกินพืชที่เข้าใจว่ากินได้ ซึ่งหากกินในปริมาณมากเกินไปหรือไม่ทำให้พิษในพืชน้อยลงหรือหมดไป อาจทำให้เป็นอันตรายได้ จึงควรสืบค้นหรือถามข้อมูลก่อน

วิธีลดพิษในลูกเนียง

วิธีการลดพิษในลูกเนียงให้น้อยลงคือ

  • นำเมล็ดไปเพาะในทราย ให้มีหน่อต้นอ่อนงอกออกมา
  • นำเมล็ดไปต้มให้สุก
  • หั่นชิ้นบางๆ แล้วนำไปตากแดดก่อน

และหากมีอาการสงสัยอาหารเป็นพิษจากลูกเนียง หรือหลังกินพืชบางชนิดแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน มึนงง ให้รีบไปพบแพทย์และบอกประวัติการกินอาหารที่สงสัยให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้การรักษาได้ถูกต้องและทันเวลา

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook