5 ประโยชน์ดีๆ ของ "ลูกพลับ" ที่อาจทำให้คุณอยากกินมากขึ้น
มีท่านผู้อ่านท่านใดในที่นี้เป็นแฟนคลับของลูกพลับบ้างคะ? ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีทั้งรสหวานและรสฝาด ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องมีเทคนิคในการเลือก หรืออาจเลือกตามสายพันธุ์ หรือแหล่งจำหน่ายที่ไว้ใจได้ เพื่อให้ได้รสชาติที่พึงพอใจ อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องของรสชาติที่อร่อยแล้ว ลูกพลับ ก็ยังให้คุณค่าทางอาหารสูงมากอีกด้วย
สารอาหารในลูกพลับ
ลูกพลับ เป็นผลไม้ที่มีดีมากกว่ารสชาติที่อร่อย เพราะจัดว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงและให้แคลอรีต่ำ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ หากคุณรับประทานลูกพลับ 1 ผล (หรือประมาณ 168 กรัม) คุณจะได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
- พลังงาน 118 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 31 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- ไฟเบอร์ 6 กรัม
นอกจากนี้ลูกพลับยังให้วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ที่ช่วยให้สุขภาพดีอีกมากมาย ได้แก่
- วิตามินเอ
- วิตามินซี
- วิตามินอี
- วิตามินเค
- วิตามินบี 1
- วิตามินบี 6
- โพแทสเซียม
- ทองแดง
- แมงกานีส
- โฟเลต
- แมกนีเซียม
- ฟอสฟอรัส
ประโยชน์ของลูกพลับ
- ดีต่อสายตา
ในลูกพลับมีสารต้านอิสระสำคัญที่ชื่อ ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) สารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันความสูญเสียทางการมองเห็น
- มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง
ลูกพลับอุดมไปด้วยสารไฟเซติน (Fisetin) ซึ่งเป็นสารอาหารในกลุ่มของสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) โดยสารไฟเซตินมีส่วนช่วยเสริมสร้างความจำ ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อระบบเส้นประสาทและสมอง รวมถึงมีส่วนช่วยในการป้องกันความเสื่อมสมรรถภาพทางสติปัญญาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่าสารไฟเซตินมีส่วนช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินในร่างกายอีกด้วย
- ดีต่อสุขภาพหัวใจ
ผักและผลไม้หลายชนิดมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ ลูกพลับก็เช่นเดียวกัน เพราะในลูกพลับมีสารอาหารสำคัญต่อหัวใจนั่นคือโพแทสเซียม ซึ่งหากร่างกายได้รับโพแทสเซียมอย่างเพียงพอก็จะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่โรคหัวใจ วิตามินซีและโฟเลตในลูกพลับเองก็มีส่วนช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจวาย
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีส้มหรือสีเหลืองอย่างลูกพลับ จัดว่าเป็นกลุ่มอาหารที่ให้สารอาหารสำคัญอย่างเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมและลดอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และเนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงจึงดีต่อระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีมากขึ้น จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในลำไส้อย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่
- มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
ไม่ใช่แค่เพียงการหมั่นออกกำลังกายและการดื่มนมเท่านั้นที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การรับประทานผักและผลไม้ต่างๆ ก็ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพกระดูกเช่นกัน โดยเฉพาะกับลูกพลับซึ่งมีสาร โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่ได้รับการค้นพบและวิจัยว่ามีส่วนช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้
วิธีเลือกลูกพลับ
- เลือกลูกพลับที่มีผลอวบ มีผิวเรียบเนียน เป็นเงาวาว ไม่มีรอยแตกหรือรอยช้ำ
- หากต้องการรับประทานลูกพลับทันที หรือกินภายใน 1-2 วัน ควรเลือกลูกพลับที่สุกแล้ว เพราะลูกพลับที่ยังไม่สุกอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน กว่าที่ลูกพลับจะสุกพร้อมรับประทาน
- หากซื้อลูกพลับที่ยังไม่สุกมา และต้องการทำให้สุก สามารถเก็บลูกพลับไว้ในอุณหภูมิห้องได้เลย โดยนำลูกพลับใส่ไว้ในถุงกระดาษที่ปิดมิดชิด
ข้อควรระวังในการรับประทานลูกพลับ
- โปรดแน่ใจว่าตนเองไม่มีอาการแพ้ลูกพลับ เพราะหากมีอาการแพ้ที่รุนแรงอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรืออันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกรณีที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง
- หากมีอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวกับช่องท้อง กระเพาะอาหาร หรือมีการผ่าตัดที่เกี่ยวเนื่องกับช่องท้องหรือกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานลูกพลับไปก่อนจนกว่าจะหายดี เนื่องจากอาจเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการอุดตันในลำไส้ได้
- ล้างลูกพลับก่อนนำมารับประทานเสมอ
- หากนำไปแช่ตู้เย็นควรเก็บลูกพลับให้ห่างจากอาหารประเภทอื่น เช่น เนื้อสัตว์ หรือปลา เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของอาหาร หรืออาจทำให้กลิ่นของอาหารผิดเพี้ยนไป