10 อาหารที่กินแล้วทำให้ "แก่วัย"

10 อาหารที่กินแล้วทำให้ "แก่วัย"

10 อาหารที่กินแล้วทำให้ "แก่วัย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องของอาหารการกินยังไงก็เป็นเรื่องที่สำคัญต่อร่างกาย เนื่องจากสารอาหารสำคัญและวิตามินต่าง ๆ จะช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย แต่การกินอาหารนั้นก็ควรที่จะเลือกสักหน่อยเพราะ อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย ก็มีอยู่เช่นกัน แต่จะเป็นอาหารอะไรบ้างที่คุณควรหลีกเลี่ยง ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน

อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย

สำหรับสาเหตุหลักๆ ที่ส่งผลทำให้เกิดการเร่งกระบวนการชราของผิวนั้น มีอยู่ 2 ประการ ซึ่งได้แก่

  • การออกแดด
  • การเกิดปฏิกิริยาในร่างกายของเราจากน้ำตาลส่วนเกินและโปรตีนในร่างกายเกิดปฏิกิริยาและรวมตัวกันทำให้เกิดสาร AGEs ขึ้นมา (Advanced glycation end products หรือ AGEs)

ถึงแม้สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะไม่สามารถควบคุมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การใช้ครีมกันแดดและการคำนึงถึงอาหารโดยรวมที่กินเข้าไป ก็สามารถช่วยทำให้ร่างกายของเราปกป้องและรักษาผิวได้

อย่างไรก็ดีคุณควรเตือนความจำตัวเองเอาไว้ด้วยว่า อาหารบางชนิดนั้นมีผลต่อสุขภาพผิวของคุณ บางครั้ง อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย ก็อาจส่งผลทำให้คอลลาเจนน้อยลงและทำลายผิวของคุณได้ การหลีกเลี่ยงการกินอาหารเหล่านี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ซึ่งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจทำให้คุณแก่ก่อนวัยอันควรนั้น มีดังนี้

  • เฟรนช์ฟรายส์ที่ทอดด้วยมันฝรั่ง

เฟรนช์ฟรายส์เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งยังสามารถเกิดปฏิกิริยาในร่างกายของเราจากน้ำตาลส่วนเกินและโปรตีนในร่างกายเกิดปฏิกิริยาและรวมตัวกันทำให้เกิดสาร AGEs ขึ้นมา เพราะต้องผ่านการทอดและมีรสชาติที่เค็ม ซึ่งอาหารที่ทอดในน้ำมันที่อุณหภูมิสูง จะปล่อยอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ทำลายผิวหนังได้

การสัมผัสกับอนุมูลอิสระจะช่วยเร่งกระบวนการชรา เนื่องจากการกระทำที่เรียกว่า “การเชื่อมโยงระหว่างสายโซ่โมเลกุล (Cross-linking)” โดยการเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นนี้มีผลต่อโมเลกุลของดีเอ็นเอ และอาจทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง

ยิ่งไปกว่านั้นการกินเกลือมากเกินไป สามารถดึงน้ำออกจากผิวหนังและนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ นั่นอาจทำให้ผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ลองเปลี่ยนเฟรนช์ฟรายส์ที่ทอดจากมันฝรั่ง มาเป็นเฟรนส์ฟรายที่ทอดจากมันเทศ เนื่องจากมันเทศนั้นอุดมไปด้วยทองแดง ซึ่งช่วยในการต่อต้านริ้วรอบแห่งวัย และช่วยในการผลิตคอลลาเจนด้วย

  • ขนมปังขาว

เมื่อคาร์โบไฮเดรตกลั่นรวมกับโปรตีนจะทำให้เกิดการก่อตัวของ AGEs ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออายุ โรคเรื้อรัง และกระบวนการชรา อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง เช่น ขนมปังขาว อาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเชื่อมโยงกับกระบวนการชรา ดังนั้น ลองหาทางเลือกอื่นแทนขนมปังขาว เช่น ขนมปังธัญพืชที่ไม่ใส่น้ำตาล เพราะมันมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิว

  • น้ำตาลทรายขาว

น้ำตาลถือเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาผิวที่ไม่พึงประสงค์ เช่น สิว เนื่องจากน้ำตาลมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่ทำลาย AGEs เมื่อระดับน้ำตาลของเราสูงขึ้น กระบวนการ AGEs จะถูกกระตุ้น และมันจะเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้นหากมีแสงแดดเข้ามาเกี่ยวข้อง

ดังนั้น แทนที่จะกินไอศกรีมปกติ ให้เลือกกินผลไม้แช่แข็ง เพื่อความสดชื่น หรือไอศกรีมที่ไม่เติมน้ำตาลแทน นอกจากนั้นลองหยิบผลไม้หรือดาร์กช็อกโกแลต มากินแทนเมื่อเกิดความรู้สึกว่าอยากกินอะไรหวานๆ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ เพราะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อย่างสามารถป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนได้

  • เนยเทียม

จากการศึกษาที่เก่าแก่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ไม่กินเนยหรือเนยเทียมเลย จะมีความเสียหายต่อผิวหนังและมีริ้วรอยน้อยกว่าผู้ที่กิน ทั้งยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบแล้วว่า เนยเทียมนั้นไม่ดีถ้าเทียบกับเนยแท้ เนื่องจากมีน้ำมันที่เติมไฮโดรเจนบางส่วนสูง  นอกจากนั้นกรดไขมันทรานส์จากเนยเทียมยังทำให้ผิวมีความเสี่ยงต่อรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งอาจทำลายคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวหนังได้

ดังนั้น ลองเปลี่ยนจากการใช้เนยทาลงบนขนมปังเป็นการใช้น้ำมันมะกอกหรือทาอะโวคาโดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่อต้านริ้วรอยลงบนขนมปังแทนจะเป็นการดีกว่า

  • เนื้อสัตว์แปรรูป

ฮอทดอก เบคอน และไส้กรอก ล้วนทำมาจากเนื้อสัตว์แปรรูปที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง เนื่องจากเนื้อสัตว์เหล่านี้มักมีโซเดียม ไขมันอิ่มตัว และซัลไฟต์สูง ซึ่งทั้งหมดสามารททำให้ผิวขาดน้ำ และทำให้คอลลาเจนอ่อนแอลงได้ จนทำให้เกิดการอักเสบ

หากต้องการโปรตีนลองเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์แปรรูปมาเป็นไข่หรือถั่วดูจะเป็นการดีกว่า หรือไม่เช่นนั้น ลองเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ เนื้อสัตว์เหล่านี้อุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนจำเป็นในการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ

  • ผลิตภัณฑ์นม

บางคนอาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตัวเองในเชิงบวกจากการดื่มนม แต่ในขณะเดียวกันคนอื่นๆ อาจจะไม่เห็นถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละบุคคล สำหรับบางคน เมื่อดื่มนมเข้าไปแล้วมันอาจจะไปเพิ่มการอักเสบในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร

อาการที่มีผลิตภัณฑ์จากนมต่ำ อาจช่วยป้องกันผิวที่โดนแดดจากการเหี่ยวย่น แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์นมนั้นเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพผิวโดยรวม แต่หากคุณไม่สามารถดื่มนม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมได้ คุณก็สามารถหาแคลเซียมจากแหล่งอื่นๆ กินได้ เช่น เมล็ดพืช ถั่ว อัลมอนด์ ผักใบเขียว และมะเดื่อ

  • โซดาและกาแฟ

โซดากับกาแฟนั้นสามารถส่งผลต่อผิวและการนอนหลับได้ เนื่องจากเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้มีคาเฟอีนที่สูง ซึ่งถ้าดื่มบ่อยๆ ตลอดทั้งวันก็อาจจะส่งผลต่อการนอนหลับได้ การนอนหลับที่ไม่ดีนั้นเชื่อมโยงกับสัญญาณแห่งวัยที่เพิ่มขึ้น รอยคล้ำรอบดวงตาที่มากขึ้น และริ้วรอย

ถ้าหากคุณกังวลเกี่ยวกับปริมาณคาเฟอีนที่ดื่มเข้าไป ลองสังเกตตัวเองดูว่าดื่มมากขนาดไหน แล้วลองดูว่าสามารถลดปริมาณหรือเปลี่ยนไปดื่มอย่างอื่นแทนได้หรือไม่ เช่น ดื่มนมสีทอง (Golden Milk) เพราะขมิ้นที่เป็นส่วนประกอบหลักในนมสีทองนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นหนึ่งในสารต่อต้านริ้วรอยที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

  • แอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์สามารถก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมายได้ เช่น รอยแดง อาการบวม สูญเสียคอลลาเจน และริ้วรอย เพราะมันสามารถทำให้ระดับสารอาหาร ความชุ่มชื้นและวิตามินลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลโดยตรงต่อการเกิดริ้วรอย ซึ่งวิตามินเอนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ และการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผิวจะยืดหยุ่นและปราศจากริ้วรอย

หากคุณต้องการดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ นั่นคือ 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย และพยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเองนั้นได้รับน้ำที่เพียงพอ

  • อาหารที่ปรุงด้วยความร้อนสูง

น้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนบางชนิดที่มีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูง เช่น น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันดอกทานตะวัน อาจทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายและสามารถเพิ่มระดับการอักเสบได้ หากคุณทอดหรือใช้ความร้อนสูงทุกวันสิ่งนี้อาจจะเพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าน้ำมันทั้งหมดจะอันตรายเสมอไป

หากคุณเลือกใช้น้ำมันที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้ ดังนั้น ลองเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืชดู จะเป็นการดีกว่า เพราะน้ำมันมะกอกนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี  ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) และยังช่วยลดการอักเสบได้ด้วย

  • เค้กข้าว (Rice Cakes)

แม้เค้กข้าวมักถูกขนานนามว่าเป็นของว่างที่ดี แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับผิว อ้างอิงจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ เค้กข้าวนั้นสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มันก็จะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งอายุ ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้

ดังนั้น ถ้าหากคุณอยากกินขนมหวาน แต่อยากให้มันช่วยต่อต้านริ้วรอยด้วย ลองเอาพริกหยวกแดง พริกหวานแดง มาจิ้มกับฮัมมูส (Hummus) ดูก็ได้ เนื่องจากพริกทั้ง 2 ชนิดนี้ มีวิตามินซีสูง ให้ผลิตคอลลาเจนได้ดี หรือไม่อยากนั้นลองกินถั่วชิกพี (Chickpeas) ซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพผิวก็ได้เช่นกัน

  • ฟรุกโตส

หลายคนอาจจะไม่เคนรู้ว่า ว่านหางจระเข้นั้นมีฟรุกโตสมากกว่าน้ำเชื่อม และข้าวโพดก็มีฟรุกโตสสูงเช่นกัน ซึ่งฟรุกโตสสามารถสลายคอลลาเจนได้เร็วกว่าน้ำตาลทั่วไป นั่นจึงทำให้เกิดกระบวนการเร่งการเกิดริ้วรอยได้ แต่กรดไลโปอิค (Lipoic Acid) อาจป้องกันผลกระทบที่ทำลายคอลลาเจนจากฟรุกโตสได้ แม้ว่านหางจระเข้จะเป็นสารให้ความหวานเพียงชนิดเดียวที่คุณมี ก็อย่าลืมใส่กะหล่ำดาว (Brussels Sprouts) ลงไปในอาหารด้วย เพราะกะหล่ำดาวมีกรดไลโปอิคสูง

การกินอาหารให้สมดุลถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของการดูแลผิว แต่ความจริงแล้วยังมีวิธีอีกมากมายที่สามารถยับยั้งนิ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ เช่น การเสริม การฉีด การรักษาเฉพาะที่ด้วย เรตินอล วิตามินซี การฟื้นฟูผิวหน้าและการรักษาหลุมสิว (Microneedling) และการใช้กรดสำหรับผลัดเซลล์ผิว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันและทำให้ริ้วรอยเรียบเนียนขึ้นได้ นอกจากนั้นยังมีเทคนิคอื่น อย่างเช่น การฝังเข็มบนใบหน้า หรือออกกำลังกายบนใบหน้า คุณสามารถเลือกวิธีเหล่านี้ได้ตามความต้องการของคุณ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook