“ขิง” สู้หนาว! สมุนไพรรสเผ็ดอุ่น “แก้หวัด-แก้ไอ”
หลายคนกำลังตื่นเต้นกับอากาศหนาวฉับพลัน พากันเปิดโกดังเสื้อกันหนาวที่ไม่ได้ใส่มานาน รีบใส่กันก่อนอากาศหนาวจะสิ้นสุดวันที่ 27 มกราคมนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศไว้
เสื้อหนาวพร้อมแล้ว ร่างกายพร้อมหรือยัง?
ตามตำราเมื่ออากาศหนาวมาเยือน เป็นช่วงเวลาที่ธาตุลมมีลักษณะเย็นและแห้ง ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ประกอบขึ้นเป็นชีวิตของคนเรา ซึ่งหากใครมีธาตุทั้งสี่สมดุล ก็อาจจะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลได้มากกว่าคนอื่นๆ
แต่สำหรับคนที่มีธาตุลมเป็นเจ้าเรือนหรือ “คนที่ผอมแห้งแรงน้อยหรือคนชรา” ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นๆ และรวมทั้ง “วัยเด็ก” ที่มีเสมหะอันมีลักษณะเย็นชื้นเป็นเจ้าเรือน ธาตุไฟซึ่งอ่อนแรงอยู่แล้วก็จะยิ่งอ่อนแรงลงไป
ธาตุน้ำและธาตุลมก็จะยิ่งกำเริบร่วมกันเสมหะก็จะเหนียวและแห้ง คนจะเจ็บป่วยด้วยอาการหวัดและอาหารไอแห้งๆ รวมทั้งมีการกำเริบของหอบหืด
นี่เป็นผลพวงแห่งการมาเยือนของฤดูหนาว!!
ฉะนั้นมารู้จักหนึ่งในสมุนไพรที่จะช่วยเพิ่มธาตุไฟในหน้าหนาวคือ “ขิง”
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ขิงเป็นสมุนไพรที่นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างแพร่มานานแล้ว อย่างประเทศจีน แพทย์จีนโบราณจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัด ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคลอเลสเตอรอลที่สะสมในตับและเส้นเลือด
“ชาวจีนทั่วไปจะรู้ดีว่าถ้าต้มขิงกับน้ำตาลอ้อยจะช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปวดหัว และถ้าเอาขิงสดอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดี”
ในตำรับเภสัชของสาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ.1985 จึงบรรจุ “ขิง” ทั้งขิงสด ขิงแห้ง และทิงเจอร์ขิงเป็น “ยาสมุนไพรแห่งชาติ” ตัวหนึ่ง
แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้งในแง่มุมที่ต่างกัน โดยจะใช้ขิงแห้งในภาวะที่ “ขาดหยาง” หรือ “ภาวะที่ร่างกายมีอาการเย็น หนาวง่าย ทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี”
นอกจากนี้ ขิงยังช่วยกำจัดพิษโดยการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเสมหะ โดยการใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม (6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน
ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าวว่า ส่วนในอินเดีย จะใช้ขิงในการทาถูนวดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ขิงลดการอักเสบ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ในตำรับยาทางอายุรเวทยังมีการใช้ขิงในการลดการบวมและการอักเสบของตับ คนพื้นเมืองอินเดียทั่วไปยังนิยมใช้น้ำคั้นจากขิงผสมน้ำผึ้ง และน้ำคั้นจากกระเทียมรักษาอาการหอบหืด ทั้งยังมีการใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่นทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว
โดยรวมขิงเป็นสมุนไพรที่ทั่วโลกใช้เหมือนๆ กันคือ แก้หวัด และแก้ไอ จากการศึกษาพบว่า ขิง หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Rosc. มีสารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และการทดลองยังพบว่า “น้ำขิงต้ม” ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาส (Macrophage) จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณค่าภูมิปัญญาอันเก่าแก่ในการใช้ประโยชน์จากขิง
“ขิงจึงเป็นสมุนไพรแนะนำสำหรับการใช้เป็นเครื่องดื่มในช่วงอากาศหนาวเช่นนี้ เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่หาง่าย มีความปลอดภัยสูง ใช้กันมานาน คนทั่วไปคุ้นเคย กินง่าย ทำได้เอง ปัจจุบัน ขิง บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และองค์การอนามัยโลกรับรองในการรักษาหวัด แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ในคนท้อง และกินยาก ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทผู้ผลิตที่มีการควบคุณภาพที่ดีพอ” ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าว
ตำรับน้ำขิงพิชิตหวัด “แก้ไอ”
ส่วนผสม
ขิงแก่สด 1 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 3 ลิตร
วิธีทำ ล้างขิงให้สะอาด แล้วนำมาทุบให้พอบุบๆ โดยไม่ต้องขูดเปลือกทิ้ง ต้มขิงกับน้ำให้เดือดแล้วลดไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จนน้ำขิงกลายเป็นสีเหลือง เติมน้ำตาลตามใจชอบ