วิธีปฐมพยาบาล เมื่อถูก “ตะขาบกัด” ต้องรีบรักษา เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

วิธีปฐมพยาบาล เมื่อถูก “ตะขาบกัด” ต้องรีบรักษา เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

วิธีปฐมพยาบาล เมื่อถูก “ตะขาบกัด” ต้องรีบรักษา เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เตือนผู้ที่ถูกตะขาบกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา เพราะอาจมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ พร้อมแนะวิธีการรักษาและการปฏิบัติตนให้ถูกวิธี

รู้จักตะขาบ

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ตะขาบ (Centipedes) จัดอยู่ใน Class Chilopoda เป็นสัตว์ขาข้อที่พบได้ทั่วไปในแถบร้อนชื้น อาศัยอยู่บนบก ตะขาบมีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 3-8 เซนติเมตร ลำตัวแบนราบ มีปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวด 1 คู่ โดยมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัวเชื่อมต่อกับต่อมพิษ 

พิษของตะขาบ

พิษของตะขาบประกอบด้วยสารสองกลุ่มใหญ่ คือ

  1. สารที่เป็นเอนโซน์ หรือน้ำย่อย ซึ่งสารหลักในกลุ่มนี้คือ proteinases และ esterases

  2. สารก่อปฏิกิริยาอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ hydroxytryptamine หรือ cytolysin

อาการเมื่อถูกตะขาบกัด

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเมื่อถูกตะขาบกัด จะพบรอยเขี้ยว 2 รอย ลักษณะเป็นจุดเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด สารพิษจากตะขาบจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้

  • อักเสบ ปวดบวมแดง ร้อน และชาตรงบริเวณที่ถูกกัด อาการปวดมักจะมีความรุนแรงปานกลางถึงมาก
  • อาจจะมีอาการปวดแปลบ (paresthesia) ร่วมด้วย 
  • อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตรงบริเวณที่ถูกกัด 
  • อาจเป็นแผลไหม้อยู่ 2-3 วัน 
  • ในบางรายอาจมีอาการแพ้หรือกระวนกระวาย อาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ 

วิธีปฐมพยาบาล/วิธีรักษา เมื่อถูกตะขาบกัด

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การรักษาพิษของตะขาบ ทำได้โดย

  1. ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อนๆ 
  2. ใช้ผ้าพันแผลพันไว้และประคบเย็น 
  3. หากมีอาการปวด ให้รับประทานยาแก้ปวด ถ้าปวดมากอาจใช้ยาชาเฉพาะที่ เช่น Xylocane ฉีดเข้าตรงบริเวณที่ถูกกัด 
  4. แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อน และสอบถามเรื่องประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก 
  5. ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น บวมมาก ปวดมาก หรือมีประวัติของการแพ้มากให้รับไว้รักษาในโรงพยาบาลทันที 

การพยากรณ์โรคโดยทั่วไป ผู้ป่วยจะสามารถหายได้ตามปกติ โดยอาการปวดจะปวดมากในวันแรกๆ แต่จะหายภายใน 3-4 วันเป็นส่วนใหญ่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook