แพทย์ยืนยัน 3 โรคที่หายได้เอง ไม่ต้องกินยา
แม้ว่ายาปฏิชีวนะจะช่วยรักษาโรคได้ แต่ยาปฏิชีวนะก็เป็นยาที่ต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ เพราะอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายได้
Sanook Health มีข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มาไขข้อสงสัยในเรื่องนี้กัน
ข้อเสียของการรับประทานยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือเกินความจำเป็น
- สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
- เสี่ยงต่อการแพ้ยา
- อาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
- อาจเสี่ยงดื้อยา และทำให้ต้องใช้ยาที่แพงขึ้น ออกฤทธิ์แรงขึ้น อันตรายมากขึ้น
3 โรคนี้ที่หายเองได้โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
-
โรคท้องเสีย
หากเป็นอาการท้องเสียที่มาจากเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะใดๆ สามารถจิบน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป หรือถ้ายังไม่หยุดถ่ายสามารถรับประทานยาถ่าน (Activated Carrcoal) ได้
แต่หากมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด มีไข้สูง หรือถ่ายมากกว่า 7-10 ครั้งแล้วยังไม่หยุดถ่าย ควรปรึกษาแพทย์ทันที
-
โรคหวัด เจ็บคอ
ส่วนใหญ่แล้วกว่า 80% ของโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส รวมทั้งอาการเสมหะมีสีเขียว หรือเหลือง (ไม่ใส) ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นโรคหวัดที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคหวัดไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเสมอไป สามารถรักษาได้ตามอาการ เช่น รับประทานยาแก้แพ้ลดน้ำมูก คัดจมูก ยาแก้ไอ เป็นต้น รวมทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ จิบน้ำอุ่น และทำร่างกายให้อบอุ่น ก็จะช่วยให้อาการหวัดค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง
แต่หากมีอาการไข้หวัด ร่วมกับอาการเจ็บคอ มีไข้สูง มีฝ้าขาวที่ต่อมทอนซิล ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต และกดเจ็บ และไม่มีอาการไอ ควรไปพบแพทย์
-
แผลเลือดออก
หากมีแผลเลือดออกเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะใดๆ เพราะยาปฏิชีวนะไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อในบาดแผลเลือดออกทั่วไป และไม่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย
วิธีรักษาบาดแผลที่มีเลือดออกที่ถูกต้อง คือ การล้างแผลให้ถูกวิธี และรักษาความสะอาดของแผล ไม่ให้บาดแผลสัมผัสกับสิ่งสกปรกเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
แต่หากมีบาดแผลเลือดออกที่เกิดจากสัตว์กัด มีแผลบาดจากของมีคมที่สกปรก หรือเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวแล้วมีบาดแผล เช่น เป็นโรคเบาหวาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาแผลอย่างถูกวิธี