อันตรายจากภาวะ "หยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก"
นอนกรนเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก ควบคู่กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ในขณะนอนหลับ อาจส่งผลต่อพัฒนาการได้
พญ.อัญชนา ทองแย้ม อาจารย์พิเศษประจำศูนย์โรคการนอนหลับ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า นอนกรนเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งในต่างประเทศพบความชุกของการนอนกรนเป็นประจำร้อยละ 2.4-17.1 และความชุกของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จากการอุดกั้นในเด็ก ร้อยละ 1.2-5.7 ข้อมูลในเด็กไทยพบความชุกของอาการนอนกรนเป็นประจำ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก ร้อยละ 6.9-8.5 และร้อยละ 0.7-1.3 ตามลำดับ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น คือ ภาวะที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น ที่เกิดขึ้น เป็นช่วง ๆ ในขณะนอนหลับ ทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด และเกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด ซึ่งมีผลทำให้คุณภาพของการนอนหลับลดลง
ประวัติและการตรวจร่างกายที่พบ ในภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก
ประวัติที่พบในภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก ได้แก่ นอนกรนบ่อยมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์ หายใจแรงกว่าปกติในขณะนอนหลับ มีหยุดหายใจแล้วตามด้วยเสียงหายใจดังเฮือก ปัสสาวะรดที่นอน นอนในท่านั่งหลับหรือแหงนคอขึ้น ริมฝีปากเขียว ปวดศีรษะตอนตื่นนอน ผล็อยหลับ หรือง่วงเวลากลางวัน มีปัญหาการเรียนและพฤติกรรม เช่น ซุกซนผิดปกติ หรือสมาธิสั้น ก้าวร้าว
การตรวจร่างกายที่พบในภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก ได้แก่ น้ำหนักน้อย หรืออ้วนกว่าเกณฑ์ ต่อมทอนซิลโต คางเล็กหรือร่นหลัง เพดานปากโค้งสูงหรือโหว่ การเจริญเติบโตช้ากว่าเกณฑ์ ความดันโลหิตสูง อาการแสดงหัวใจด้านขวาล้มเหลว
ภาวะแทรกซ้อนจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จากการอุดกั้นในเด็ก
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้หลายระบบ ได้แก่
- ระบบประสาทและพฤติกรรม โดยแบ่งความผิดปกติเป็น 2 กลุ่มหลัก คือกลุ่มพฤติกรรมผิดปกติซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงออกเป็นการซนมากผิดปกติ บางครั้งมีปัญหาเรื่องความตั้งใจในการทำงาน จนเข้าข่ายโรคซนสมาธิสั้น หรืออาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือหลับมากผิดปกติในช่วงกลางวัน
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ การควบคุมความดันโลหิตผิดปกติ ความดันโลหิตสูง หัวใจห้องซ้ายหนาตัวขึ้น และหากอาการรุนแรงมีภาวะพร่องออกซิเจนในเลือดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีความดันเลือดในปอดสูง หัวใจห้องขวาทำงานผิดปกติ และหัวใจวายในที่สุด
- ระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ปัญหาโรคอ้วน การสะสมไขมันที่ผิดปกติ เป็นต้น