วิธีแก้ปัญหา “รูขุมขนกว้าง” ที่ได้ผลจริง ตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง

วิธีแก้ปัญหา “รูขุมขนกว้าง” ที่ได้ผลจริง ตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง

วิธีแก้ปัญหา “รูขุมขนกว้าง” ที่ได้ผลจริง ตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รูขุมขนกว้าง เป็นภาวะปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีสภาพผิวหน้ามัน หลายคนพยายามหาวิธีตามอินเตอร์เน็ตว่าทำอย่างไรรูขุมขนถึงจะเล็กลง ตลอดจนสรรหาผลิตภัณฑ์ต่างๆ นานาทั้งทาทั้งกินเพื่อช่วยลดรูขุมขนให้ได้ แต่จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์รวมถึงวิธีในอินเตอร์เน็ตที่แชร์ต่อๆ กันมาได้ผลมากแค่ไหน Sanok Health มีคำตอบจาก พญ.วรดา ชูวิเชียร ศูนย์ผิวหนัง รพ. ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (SiPH) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มาฝากกัน

ทำไมเราถึงรูขุมขนกว้าง?

รูขุมขนกว้าง เป็นภาวะปกติ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวที่ถูกกำหนดมาของแต่ละบุคคล (รวมถึงกรรมพันธุ์) และก็ไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นโรคผิวหนังที่ต้องได้รับการรักษาแต่อย่างใด

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรูขุมชนกว้าง

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าภาวะนี้เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด ส่งผลให้สิ่งสกปรกตกค้างอยู่ที่รูขุมขน พอนานวันเข้า รูขุมขนจึงกว้างขึ้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด แต่หลายๆท่านก็อยากจะมีผิวหน้าที่เรียบเนียนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม หลายคนอยากที่จะแต่งหน้าง่ายขึ้น เนื่องจากบ่อยครั้งที่เครื่องสำอาง เช่น แป้ง รองพื้น ตกลงไปรวมกันอยู่ในรูขุมขน ทำให้ดูแล้วผิวไม่เรียบเนียนทั้งๆ ที่แต่งหน้าเต็มที่แล้ว หลายๆ ท่านจึงพยายามหาข้อมูลผ่านทางสื่อโลกโซเชียลและสังคมออนไลน์ ตลอดจนการอ่านรีวิวต่างๆทางอินเตอร์เน็ต

ในปัจจุบันมีผู้แชร์ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการกระชับรูขุมขน แก้ไขภาวะรูขุมขนกว้าง เช่น คลิปวีดีโอและรีวิวเกี่ยวกับการนำเอาผักผลไม้ ไข่ขาว ตลอดจนน้ำแข็ง มาทา ถู หรือพอก ทิ้งไว้บนใบหน้า มีการโฆษณาผ่านทางรีวิวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งอยู่ในรูปซีรั่ม โทนเนอร์ หรือครีม โดยที่อ้างสรรพคุณว่าสามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ บ่อยครั้งที่มีรูปภาพประกอบเทียบกันให้เห็น ก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เพิ่มความจูงใจในการเลือกซื้อ ข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน และ ความจริงเป็นอย่างไร อะไรคือการรักษาตามมาตรฐาน

การรักษามาตรฐานสำหรับภาวะรูขุมขนกว้าง

เลเซอร์ยังจัดว่าเป็นคำตอบสุดท้ายในขณะนี้ ด้วยกลไกการเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้ เพื่อให้ผิวดูเต็มเรียบเนียนขึ้นมา หมอขอแบ่งเลเซอร์ที่ถูกนำมาใช้รักษาภาวะรูขุมขนกว้าง แบบคร่าวๆเป็น 2 กลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ

กลุ่มแรก เป็นเลเซอร์ที่ภายหลังการรักษา จะมีแผลเป็นจุดๆเล็กๆ คล้ายกับตารางหมากรุกถี่ๆในตำแหน่งที่ทำการรักษา 

ซึ่งต่อมาจะตกสะเก็ด โดยมากสะเก็ดมักจะหลุดไปภายใน 1 สัปดาห์

เลเซอร์กลุ่มนี้ แพทย์จะเรียกทับศัพท์กันไปเลยค่ะ ว่า แฟรคชันนัลเลเซอร์ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ภายหลังการรักษา ได้แก่ รอยดำหลังการอักเสบซึ่งพบได้ในผู้ที่มีผิวคล้ำมากกว่าผิวขาว พบในผู้ที่ไม่มีการป้องกันแสงแดดอย่างเหมาะสมภายหลังการทำเลเซอร์มากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดด กางร่ม ใส่หมวกและเลี่ยงการสัมผัสกับแดดจัด นอกจากนี้่ การเลือกชนิดของเลเซอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ในแง่ของการเกิดรอยดำหลังการอักเสบภายหลังการทำเลเซอร์ โดยพบว่าเลเซอร์ชนิดเออร์เบียมมักจะก่อให้เกิดรอยดำหลังการทำเลเซอร์ได้น้อยกว่าเลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 

กลุ่มที่ 2 เป็นเลเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดแผลหรือสะเก็ดภายหลังทำการรักษา ขณะที่รับการรักษา อาจจะรู้สึกอุ่นๆที่ผิวหนัง แต่ไม่เจ็บแสบ และไม่ต้องหลบแดดหลังการทำเลเซอร์อย่างยิ่งยวดเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหลังการอักเสบดังเช่นการรักษาด้วยเลเซอร์ในกลุ่มแรก เลเซอร์ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้มีหลายยี่ห้อ หลายชนิด บางชนิดจะมีการทาผงถ่านคาร์บอนสีดำๆ ไว้บนผิวหน้าก่อนที่จะทำการรักษา เพื่อให้ผงถ่านตกลงไปรวมอยู่ในรูขุมขน แล้วจึงยิงเลเซอร์ตามลงไปที่บริเวณนั้น เมื่อผงถ่านคาร์บอนรับพลังงาน จะก่อให้เกิดความร้อนสะสมที่ตำแหน่งรูขุมขนนั้น ซึ่งส่งผลให้มีการกระชับตัวของคอลลาเจนที่ผิวหนัง ณ ตำแหน่งนั้น รูขุมขนจึงดูเรียบเนียนขึ้น

แน่นอนค่ะว่า หากว่าเป็นเลเซอร์ที่ทำให้มีแผลหรือสะเก็ดที่ผิวหนัง มักจะให้ผลการรักษาที่ชัดเจนกว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดแผลหรือสะเก็ด

ทั้งนี้ การรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดที่ก่อให้เกิดแผลหรือสะเก็ด มักจะใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่าอีกด้วย 

การรักษาด้วยทายา ได้ผลไม่ชัดเจน 

การทายาในกลุ่มวิตามินเอรุ่นแรกๆ เช่น tretinoin ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน มีรายงานว่ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้บ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนมากนัก ผลข้างเคียงจากการใช้ยากลุ่มนี้ต่อเนื่องกัน ได้แก่ ผิวแสบ ลอก แห้ง คัน ซึ่งพบได้บ่อยกว่าในผู้ที่มีสภาพผิวหน้าแห้ง

จะเห็นได้ว่า การจะทำให้รูขุมขนดูเรียบเนียนขึ้นได้นั้น ต้องทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ดังนั้น การเอาโทนเนอร์ น้ำเกลือ ซีรั่มต่างๆ ผักผลไม้ ไข่ขาว หรือการเอาน้ำแข็งมาถูวนไปบนผิวหน้านั้น ย่อมไม่ช่วยแก้ปัญหานี้แต่อย่างใด

ผิวหนังบริเวณนั้นอาจจะดูเรียบเนียนขึ้นชั่วคราว เนื่องจากการบวมขึ้นของผิวหนังจากสารระคายเคืองที่ผสมอยู่ เช่น แอลกอฮอล์ หรือจากปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อปัจจัยทางกายภาพ (ในกรณีของการถูผิวหนังด้วยน้ำแข็ง) ซึ่งจะส่งผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ผิวที่ดูบวมตึงละม้ายคล้ายกับว่ารูขุมขนจะกระชับมากขึ้น ก็จะยุบบวม คืนสู่สภาพเดิม 

ทางคุณหมอแนะนำเพิ่มเติมว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะติเตียนผู้ใด แต่หากท่านทั้งหลายยังคงอยากจะลองเชื่อรีวิวต่างๆ และข้อมูลจากโลกโซเชียลเหล่านั้น จงพึงระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การระคายเคือง แสบ แห้ง ลอก พึงตระหนักให้ดี หากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีราคาค่อนข้างสูง เพราะผลในการรักษามักจะไม่ชัดเจนเท่ากับจำนวนเงินที่เสียไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook