สัญญาณอันตราย "นิ่วในไต" เจอให้ไว รีบรักษาก่อนไตพัง

สัญญาณอันตราย "นิ่วในไต" เจอให้ไว รีบรักษาก่อนไตพัง

สัญญาณอันตราย "นิ่วในไต" เจอให้ไว รีบรักษาก่อนไตพัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นิ่วในไตเป็นสาเหตุสำคัญของโรคที่เกี่ยวกับไต สามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ผู้ชายมีโอกาสพบได้มากกว่าผู้หญิง และช่วงวัยที่พบส่วนใหญ่คือ อายุ 30-40 ปี หากปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบรักษา อาจเกิดการติดเชื้อจนเนื้อไตเสีย เกิดอาการไตเสื่อมและไตวายเรื้อรังได้ในอนาคต ควรปรึกษาแพทย์ รีบรักษาก่อนอาการรุนแรง

นิ่วในไต คืออะไร?

นพ.สมเกียรติ พุ่มไพศาลชัย ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ศูนย์โรคทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุแข็งชนิดต่างๆ จนกลายเป็นก้อนที่มีชนิดและขนาดแตกต่างกัน โดยมักพบที่บริเวณกรวยไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นผลมาจากปัสสาวะเข้มข้นและตกตะกอนเป็นนิ่ว ซึ่งมีโอกาสเป็นซ้ำได้

สาเหตุของนิ่วในไต

การมีแคลเซียมในปัสสาวะมากผิดปกติมีสาเหตุจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 

  • การรับประทานอาหารแคลเซียม โปรตีน เกลือ และน้ำตาลสูงเกินไป 
  • ดื่มน้ำน้อย 
  • ใส่น้ำตาลในเครื่องดื่มมาก
  • กินอาหารที่มีสารออกซาเลตยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม อาทิ ถั่ว หน่อไม้ ช็อกโกแลต ผักปวยเล้ง มันเทศ ฯลฯ 
  • กินวิตามินซีมากเกินกว่าวันละ 1,000 มิลลิกรัม 
  • ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานหนักมากเกินไป
  • เกิดจากโรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเกาต์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคอ้วนน้ำหนักเกิน และโรคเบาหวาน 

สัญญาณอันตราย อาการเริ่มต้นของ “นิ่วในไต”

  • ปวดเอวข้างที่มีก้อนนิ่ว ปวดหลังหรือช่องท้องส่วนล่างข้างใดข้างหนึ่ง โดยจะปวดเสียด ปวดบิดเป็นพักๆ 
  • มีไข้หนาวสั่น 
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • มีปัสสาวะขุ่นแดงเป็นเม็ดทราย 
  • ปัสสาวะบ่อย หรือเมื่อปัสสาวะแล้วจะเกิดอาการเจ็บ 
  • ถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไตจะมีอาการปวดในท้องรุนแรง 
  • แต่ในบางกรณีผู้ป่วยบางรายก็ไม่มีอาการแสดง 

วิธีตรวจวินิจฉัยโรคนิ่วในไต

การตรวจวินิจฉัยมีหลายวิธี ได้แก่

  1. ตรวจปัสสาวะ หากพบเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นนิ่วในไต
  2. ตรวจเลือด ผู้ป่วยนิ่วในไต มักมีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดมาก
  3. เอกซเรย์ช่องท้อง จะช่วยให้เห็นก้อนนิ่วบริเวณทางเดินปัสสาวะ
  4. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วขนาดเล็ก
  5. อัลตราซาวนด์ไต ช่วยตรวจหาก้อนนิ่วในไตได้ชัดเจน 4) ตรวจเอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (IVP) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุการเกิดนิ่วในไตและสามารถวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตซ้ำ 

วิธีรักษานิ่วในไต

การรักษาอาการนิ่วในไต ใช้วิธีการรักษาตามชนิดและสาเหตุ ได้แก่

  1. รักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด หากนิ่วมีขนาดก้อนเล็กมากอาจหลุดออกมาได้เอง โดยการดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อขับออกมาทางปัสสาวะ โดยแพทย์อาจพิจารณายาช่วยขับก้อนนิ่วตามความเหมาะสม
  2. การใช้เครื่องสลายนิ่ว (Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy : ESWL) เป็นการสลายนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงไปทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวและขับออกมาทางปัสสาวะ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย วิธีนี้ควรรักษากับแพทย์ที่มีความชำนาญอย่างใกล้ชิด
  3. การส่องกล้องสลายนิ่ว (Ureteroscopy) เป็นการสลายนิ่วที่มีขนาด 3 เซนติเมตร โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีกล้อง Ureteroscopy เข้าไปทางท่อปัสสาวะเพื่อทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ ขับออกมาทางปัสสาวะ
  4. การรักษาแบบผ่าตัด (PercutaneousNephrolithotomy : PCNL) ใช้ในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่และรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผล โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยการเจาะรูเล็กๆ บริเวณหลังของผู้ป่วยแล้วใช้กล้องส่อง เพื่อนำเครื่องมือสอดเข้าไปทำให้นิ่วแตกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นจึงคีบก้อนนิ่วออกมา 

วิธีป้องกันโรคนิ่วในไต

เราสามารถป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้ เริ่มจากการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ เช่น

  1. ดื่มน้ำสะอาดให้มากเพื่อช่วยลดโอกาสการตกตะกอนของก้อนนิ่ว 
  2. กินแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติให้เพียงพอ 
  3. เลี่ยงอาหารรสเค็ม 
  4. ควบคุมการกินเนื้อสัตว์ นม เนย 
  5. ผักก็ช่วยลดโอกาสการเกิดนิ่วได้ 
  6. สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อค้นหาความเสี่ยง ป้องกันก่อนเกิดโรคได้ 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook