เปรียบเทียบ "ครัวซองต์" ในไทย พลังงาน ไขมัน และโซเดียมที่ควรระวัง
นิตยสารฉลาดซื้อ เก็บตัวอย่าง “ครัวซองต์” ที่จำหน่ายในประเทศไทยกว่า 31 ตัวอย่าง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพื่อวัดค่าพลังงาน ไขมัน (ไขมันรวม ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์) และปริมาณโซเดียม เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคก่อนตัดสินใจซื้อรับประทาน
หมายเหตุ : เก็บตัวอย่างเดือน กุมภาพันธ์ 2564 ผลทดสอบเฉพาะตัวอย่างที่ส่งตรวจเท่านั้น
สรุปผลทดสอบ
ในการแสดงผลด้วยภาพ นิตยสารฉลาดซื้อ จะเรียงลำดับด้วยผลการทดสอบต่อหนึ่งหน่วยบริโภคหรือ 1 ชิ้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน (มีน้ำหนักตั้งแต่ 20 – 94 กรัม) และนำเสนอเปรียบเทียบในปริมาณต่อน้ำหนัก 100 กรัมไว้ในตาราง
พลังงาน
ครัวซองต์ทั้ง 31 ตัวอย่าง จะมีค่าพลังงาน (กิโลแคลอรี) ต่อน้ำหนัก 100 กรัม อยู่ในช่วง 415 – 511 กิโลแคลอรี
ไขมัน
ครัวซองต์ทั้ง 31 ตัวอย่าง จะมีค่าไขมันรวม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม อยู่ในช่วง 21.6 – 33 กรัม
ค่าไขมันอิ่มตัว ต่อน้ำหนัก 100 กรัม อยู่ในช่วง 9.53 – 19.83 กรัม
ไขมันทรานส์ ต่อน้ำหนัก 100 กรัม อยู่ในช่วง 0.13 – 1.09 กรัม ทั้งนี้เมื่อนำมาคำนวณตามปริมาณในหนึ่งหน่วยบริโภค (1 ชิ้น) พบว่ามี 3 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณไขมันทรานส์ เกิน 0.5 กรัม ได้แก่ กาโตว์ เฮ้าส์ (0.56 กรัม/หน่วยบริโภค 52 กรัม) Au bon pain (0.60 กรัม/หน่วยบริโภค 58 กรัม) และ พรมารีย์ เบเกอรี (0.63 กรัม/หน่วยบริโภค 63 กรัม)
โซเดียม
ครัวซองต์ทั้ง 31 ตัวอย่าง มีปริมาณโซเดียมต่อน้ำหนัก 100 กรัม ในช่วง 244.83 – 522.26 มิลลิกรัม
การตรวจพบปริมาณไขมันทรานส์
องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization, FAO) แนะนํา ปริมาณสูงสุดในการบริโภคไขมันทรานส์ต้องไม่เกิน 1% ของค่าพลังงานต่อวัน (หรือประมาณ 2 กรัม ต่อวัน หรือประมาณ 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค) อย่างไรก็ตาม FAO ยังแนะนําปริมาณสูงสุดในการ บริโภคไขมันอิ่มตัวที่ไม่เกิน 10% ของค่าพลังงาน (หรือประมาณ 20 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 5 กรัม ต่อมื้อ) ไว้ด้วย เนื่องจากตระหนักว่าไขมันทั้งสองประเภทยังเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น จึงต้องควบคุมปริมาณการบริโภคร่วมกัน
แม้ประเทศไทยมีการแบนไขมันทรานส์ (ผลิตภัณฑ์ที่วางจําหน่ายในท้องตลาดจะต้องไม่มีส่วนประกอบ ของน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่อง กําหนดอาหารที่ห้ามผลิต นําเข้า หรือจําหน่าย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562 แล้ว แต่ ไขมันทรานส์สามารถตรวจพบได้ในผลิตภัณฑ์อาหารชนิดต่างๆ เนื่องจากอาจมีการใช้วัตถุดิบบางชนิดที่ได้จาก สัตว์เคี้ยวเอื้องซึ่งตามธรรมชาติมีไขมันทรานส์เป็นองค์ประกอบ เช่น นม เนย ชีส เป็นต้น แต่ทั้งนี้แหล่งที่มา ต้องไม่ใช่จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน
การกินไขมันกับปัญหาโรคหัวใจ
ไม่ว่าจะกินไขมันชนิดไหน ก็เสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากกินในปริมาณมากเกินไป ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต กล่าวว่า ที่จริงแล้วคนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากไขมันอิ่มตัว คนไทยส่วนใหญ่กินไขมัน อิ่มตัวมาก ส่วนไขมันทรานส์นั้นกินเป็นส่วนน้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเลิกกินอาหารที่มีไขมันทรานส์ แต่ไปกิน อาหารอย่างอื่นที่มีไขมันสูง ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ดี