“อาหารกลางวัน” ของเด็กที่เหมาะสม ลดปัญหาเด็กอ้วน-เตี้ย
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/5/29209/thai-student-lunch.jpg“อาหารกลางวัน” ของเด็กที่เหมาะสม ลดปัญหาเด็กอ้วน-เตี้ย

    “อาหารกลางวัน” ของเด็กที่เหมาะสม ลดปัญหาเด็กอ้วน-เตี้ย

    2021-06-28T06:00:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วน และอ้วน เตี้ย เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.4 แนะแนวทางจัดชุดอาหารกลางวันที่เหมาะสม หมุนเวียน 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาสติปัญญาได้เต็มศักยภาพ

    เด็กไทยเริ่มพบปัญหาอ้วน เตี้ย เพิ่มขึ้น

    นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 6 -14 ปี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 พบว่า เด็กสูงดีสมส่วน และภาวะผอมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กล่าวคือ สูงดีสมส่วน ร้อยละ 65.5 โดยมีเป้าหมาย ร้อยละ 66 มีภาวะผอม ร้อยละ 3.6 โดยมีเป้าหมาย ไม่เกินร้อยละ 5 แต่พบว่ามีภาวะเริ่มอ้วน และอ้วน เตี้ย เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 12.4

    การส่งเสริมให้เด็กได้รับอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาสติปัญญาได้เต็มศักยภาพ ควรจัดอาหารหมุนเวียนเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารที่หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม ปรุงประกอบอาหารเพื่อลดหวาน มัน เค็ม ไม่ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหาร

    อาหารกลางวันที่เหมาะสมสำหรับเด็กไทย

    การจัดชุดอาหารกลางวันที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยเรียนควรหมุนเวียน 5 วันทำการต่อสัปดาห์ ตามมาตรฐานอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนไทย ซึ่งประกอบด้วย 

    • ข้าว และกับข้าวไม่น้อยกว่า 4 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • อาหารจานเดียว ไม่ควรเกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • ผลไม้ทุกวันหรือไม่น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • ขนมหวานไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • ปลาหรือผลิตภัณฑ์จากปลาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เนื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • ไข่ 2-3 ฟองต่อคนต่อสัปดาห์ ตับ เลือด ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งก้าง อย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 
    • ถั่วเมล็ดแห้ง เผือกมันอย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 

    โดยการสร้างการมีส่วนร่วมกับเด็กให้เด็กได้เลือก เมนูที่ชื่นชอบ ผักที่ชื่นชอบ คุณครูปรับเมนูให้ได้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ

    ทั้งนี้ นอกจากจัดเมนูอาหารหมุนเวียนเพื่อให้นักเรียนได้กินอาหารที่หลากหลายแล้ว ปริมาณอาหารที่เด็กนักเรียนควรได้รับในมื้อกลางวันก็สำคัญเช่นกัน โดย 

    กลุ่มข้าว-แป้ง 

    • เด็กระดับอนุบาล (อายุ 3-5 ปี) ควรได้รับ 1.5 ทัพพี 
    • ระดับประถมปีที่ 1-3 (อายุ 6-8 ปี) 2 ทัพพี 
    • ระดับประถมปีที่ 4-6 (อายุ 9-12 ปี) 3 ทัพพี 

    เนื้อสัตว์

    • เด็กระดับอนุบาล (อายุ 3-5ปี) ควรได้รับ 1.5 ช้อนกินข้าว 
    • ระดับประถมปีที่ 1-3 (อายุ 6-8 ปี) 2 ช้อนกินข้าว 
    • ระดับประถมปีที่ 4-6 (อายุ 9-12 ปี) 2 ช้อนกินข้าว 

    คำแนะนำเพิ่มเติมในการจัดอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน

    1. เด็กวัยเรียน ควรได้รับผัก 1 ทัพพี ผลไม้ 1 ส่วน และนม 1 แก้ว เพื่อเด็กเติบโตสมวัย
    2. หากเป็นอาหารจานเดียว ถ้าเมนูที่เป็นผัดด้วยน้ำมันจะต้องจัดคู่กับผลไม้ 
    3. ของหวานที่เป็นกะทิไม่ควรจัดคู่กับอาหารที่เป็นอาหารมัน 
    4. เนื้อสัตว์ให้ในปริมาณที่เพียงพอ และเป็นเนื้อย่อยง่ายสลับหมุนเวียนกัน
    5. มีผักเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อ 
    6. ใช้เกลือหรือน้ำปลาผสมไอโอดีนในการปรุงอาหาร  
    7. อาหารว่างประเภทขนมปังที่มีไส้ ควรเลือกไส้ที่มีเนื้อสัตว์ เช่น ขนมปังไส้ไก่หยอง 
    8. ขนมไทย ควรเลือกขนมที่มีส่วนประกอบของถั่วต่างๆ เช่น ขนมถั่วแปบ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล
    9. เด็กวัยเรียนควรกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น แต่มื้อเช้าสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียน
    10. ควรจัดอาหารว่าง เช้า และบ่าย เพื่อเสริมโภชนาการจากอาหารมื้อหลัก
    11. ปริมาณสารอาหารที่เด็กควรจะได้รับในแต่ละวัน เด็กวัยเรียนอายุ 6-8 ปี ควรได้รับพลังงานวันละ 1,400 กิโลแคลอรี่ เด็กอายุ 9-12 ปี ควรได้รับพลังงานอย่างน้อย 1,700 กิโลแคลอรี่

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

    ภาพ :iStock