ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน "โควิด-19" ในผู้ที่มีโรคประจำตัว และกินยาประจำ

ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน "โควิด-19" ในผู้ที่มีโรคประจำตัว และกินยาประจำ

ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน "โควิด-19" ในผู้ที่มีโรคประจำตัว และกินยาประจำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่ควรรอให้อาการต่างๆ คงที่ก่อน

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ควรได้รับคำแนะนำในการรับวัคซีนจากแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ที่ดูแลรักษาโรคของท่านก่อนการรับวัคซีนโควิด-19

  • ผู้ที่ทานยารักษาโรค หรือ ยารักษาโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำในการรับวัคซีน เช่น ขนาดของเข็มที่ใช้ฉีด และข้อควรปฏิบัติหลังการฉีด

องค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะต้องทำควบคู่ไปกับการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด เพราะแม้ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว ก็ยังสามารถมีโอกาสติดโรคโควิด-19 ได้ จากละอองฝอย (Droplets) จากการไอหรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง (Contact) เช่น น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ เป็นต้น

พญ.พเยีย ฉันทาดิศัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท แนะนำว่า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด สามารถปฏิบัติตัวเบื้องต้นตามคำแนะนำดังนี้

ผู้ที่มีโรคประจำตัวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

โรคหัวใจและหลอดเลือด

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการ หรือ อาการของโรคหัวใจยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีดวัคซีน

โรคไตเรื้อรัง ได้รับการบำบัดทดแทนไต ฟอกไตเทียม

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีดวัคซีน

ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ

แนะนำรับวัคซีนหลังผ่าตัด 1 เดือน ต้องมีอาการคงที่และได้รับความเห็นชอบจากแพทย์แล้ว

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการ หรือ อาการของโรคยังไม่คงที่ แนะนำควรรอหลังหายจากอาการ 2-4 สัปดาห์

โรคมะเร็ง

สามารถฉีดได้ ยกเว้น

  • ผู้ที่กำลังรับยาเคมีบำบัด หรือกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
  • คนไข้โรคมะเร็งระบบเลือด ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก ควรฉีดวัคซีนหลังการรักษาครบ 3 เดือนไปแล้ว

โรคเบาหวานและโรคอ้วน

(น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่

โรคเอดส์

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการของโรคติดเชื้อฉวยโอกาสซึ่งควรรักษาให้อาการคงที่ก่อน

โรคไขข้ออักเสบ และโรคแพ้ภูมิตัวเอง

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่

โรคระบบประสาทภูมิคุ้มกัน เช่น Autoimmune encephalitis,

Multiple sclerosis, Neuromyeliti optica, Myelitis, Acute polyneuropathy, Guillain-Barre Syndrome, Chronic polyneuropathy, Myositis, Bell’s palsy, Cranial neuritis

สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ ควรจะรออย่างน้อย 4 สัปดาห์จนกว่าอาการจะคงที่

โรคหลอดเลือดสมอง

สามารถฉีดได้ ยกเว้นผู้ที่อาการยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีด

โรคลมชัก

สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้าม

โรคทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม โรคเซลล์

ประสาทสั่งการเสื่อมตัว โรคเส้นประสาท และกล้ามเนื้อที่เกิดจากพันธุกรรมหรือการเสื่อม

สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้าม

ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรค หรือ ยารักษาโรคประจำตัวบางชนิด กับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

ยาโรคประจำตัวที่ควรเฝ้าระวัง

ยาสเตียรอยด์ (Prednisolone 20 มิลลิกรัม เทียบเท่า Dexamethasone 3 มิลลิกรัม และ Methylprednisolone 16 มิลลิกรัม)

Prednisolone ขนาดน้อยกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ สเตียรอยด์อื่นที่เทียบเท่า สามารถฉีดได้โดยไม่ต้องหยุดยา

แต่ถ้ามากกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรืออยู่ในช่วงกำลังลดปริมาณยาลง ผู้ป่วยต้องมีอาการคงที่ ถึงสามารถฉีดวัคซีนได้

ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Azathioprine, IVIG, Cyclophosphamide ชนิดกิน

สามารถฉีดได้โดยไม่ต้องหยุดยา

Cyclophosphamide ชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด

สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน

Mycophenolate

สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา Mycophenolate 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน

Methotrexate

สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา Methotrexate 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน

Hydroxychloroquine, Sulfasalazine, Leflunomide

ไม่ต้องปรับเปลี่ยนการรับยาหรือเลื่อนการฉีดวัคซีน

ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin

สามารถฉีดได้ ในผู้ป่วยที่มีค่า INR น้อยกว่า 4 โดยใช้เข็มขนาด 25G หรือ 27G และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก

ยาป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น Fondaparinux

สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยฉีดก่อนยาชนิดนี้

ยาต้านการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่ หรือ NOAC (Non-Vitamin K Antagonist Oral Anticoagulants) เช่น Dabigatran ,Rivaroxaban, Apixaban และ Edoxaban

สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ควรใช้เข็ม 25G หรือเล็กกว่าและไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก

ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin, Clopidogrel, Colostazol, Ticagrelor หรือ prasugrel

สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ควรใช้เข็ม 25G หรือเล็กกว่าและไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก

ยาแอนติบอดี (ยาที่ลงท้ายด้วย -mab)

  • ยา Rituximab : แนะนำฉีดวัคซีน ก่อนเริ่มยาครั้งแรก 14 วัน หรือหลังรับยาไปแล้ว 1 เดือน
  • ยา Omalizumab, Benralizumab, Dupilumab แนะนำฉีดวัคซีนก่อนหรือหลังรับยา 7 วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook