ปัจจัยเสี่ยง “หลอดลมอักเสบ” ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว
การสูบบุหรี่ หรือสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆ อาจก่อให้เกิดผลร้ายนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบ คืออะไร?
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหลอดลมอักเสบ คือ โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลมทำให้เยื่อบุผิวภายในหลอดลมมีการอักเสบและบวม มีเสมหะในหลอดลมอุดกั้น ทำให้ช่องทางเดินหลอดลมแคบลง
อาการของโรคหลอดลมอักเสบ
- ไอ
- หายใจลำบาก
- หายใจมีเสียงหวีด
- อาจมีอาการเป็นไข้หวัด
- เจ็บคอ แสบคอ
- ในบางรายอาจมีไข้ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้
- แน่นหน้าอก
- หายใจหอบเหนื่อย
สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบ
สาเหตุส่วนใหญ่ของโรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดและไวรัสไข้หวัดใหญ่ บางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไมโคพลาสมา (Mycoplasma) หรือคลาไมเดีย (Chlamydia)
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดลมอักเสบ
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคที่พบได้บ่อย และคุณอาจทำโดยไม่รู้ตัวว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดลมอักเสบมากขึ้น คือ
- สูบบุหรี่ หรือต้องอยู่ร่วมกับผู้สูบบุหรี่บ่อยๆ
- พบเจอมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ก๊าซพิษ สารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน
การติดต่อของโรคหลอดลมอักเสบ
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคหลอดลมอักเสบติดต่อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ โดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในละอองฝอยกระจายอยู่ในอากาศ จากการไอหรือหายใจรดกัน ซึ่งระยะการแพร่กระจายเชื้อสามารถแพร่ได้ก่อนเกิดอาการหรือหลังเกิดอาการแล้ว
ชนิดของโรคหลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
- โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute Bronchitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัด มักเกิดเมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจไล่ลงไปจนถึงหลอดลม เกิดการอักเสบอาการบวมของเยื่อ เมือก ที่บุทางเดินหายใจระคายเคือง
อาการของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 3 สัปดาห์ มักมีอาการไอ มีเสมหะเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ อาจเป็นหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเมื่อผู้ป่วยมีการอักเสบของโพรงจมูกหรือเป็นหวัด ดังนั้นผู้ป่วยควรรับการรักษาหรือ ปฏิบัติตนให้ถูกต้องเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหลอดลมอักเสบ - โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากทางเดินหายใจที่ได้รับสารระคายเคืองอย่างเรื้อรัง เช่น การสูบบุหรี่ต่อเนื่อง นับเป็นส่วนหนึ่งของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทำให้ร่างกายสร้างสารออกมาเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ ส่งผลให้มีเสลดเสมหะที่เหนียวข้นและกำจัดออกยาก หลอดลมเกิดการอุดตันหรือการบวมซึ่งช่องทางเดินอากาศในหลอดลมที่ตีบแคบลงทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังได้ด้วย
อาการของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังผู้ป่วยมักไอเรื้อรังต่อเนื่องตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี หรือ 2 ปี มีภาวะหายใจลำบาก เมื่อตรวจร่างกายอาจมีเสียงวี้ด มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจมีอาการหลอดลมอักเสบแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
วิธีป้องกันการเกิดโรคหลอดลมอักเสบ
วิธีป้องกันการเกิดโรคหลอดลมอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและแห้ง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง
- ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโรคทางเดินหายใจ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆ
- ดูแลร่างกายให้มีความแข็งแรง ด้วยการหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ เช่น วิ่ง เดินเร็ว หรือว่ายน้ำ เป็นต้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ
- รักษาอนามัยพื้นฐานด้วยการสวมหน้ากากอนามัย
- ล้างมือให้สะอาด
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ หากพบว่าตนเองมีอาการรุนแรงมาก ไอเรื้อรังไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ หรือไอเป็นเลือดร่วมด้วย มีไข้ ไอมาก หอบเหนื่อย จนรบกวนการรับประทานอาหาร หรือการนอนหลับ ให้มาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจนก่อให้เกิดปอดอักเสบ นำไปสู่การพัฒนาให้เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังด้วย