ปัจจัยเสี่ยง “หลอดลมอักเสบ” ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว
Thailand Web Stat

ปัจจัยเสี่ยง “หลอดลมอักเสบ” ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว

ปัจจัยเสี่ยง “หลอดลมอักเสบ” ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การสูบบุหรี่ หรือสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆ อาจก่อให้เกิดผลร้ายนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบ

โรคหลอดลมอักเสบ คืออะไร?

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหลอดลมอักเสบ คือ โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลมทำให้เยื่อบุผิวภายในหลอดลมมีการอักเสบและบวม มีเสมหะในหลอดลมอุดกั้น ทำให้ช่องทางเดินหลอดลมแคบลง 

อาการของโรคหลอดลมอักเสบ

  • ไอ 
  • หายใจลำบาก 
  • หายใจมีเสียงหวีด
  • อาจมีอาการเป็นไข้หวัด 
  • เจ็บคอ แสบคอ 
  • ในบางรายอาจมีไข้ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้ 
  • แน่นหน้าอก 
  • หายใจหอบเหนื่อย 

สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบ

สาเหตุส่วนใหญ่ของโรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดและไวรัสไข้หวัดใหญ่ บางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไมโคพลาสมา (Mycoplasma) หรือคลาไมเดีย (Chlamydia) 

ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดลมอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคที่พบได้บ่อย และคุณอาจทำโดยไม่รู้ตัวว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดลมอักเสบมากขึ้น คือ 

  1. สูบบุหรี่ หรือต้องอยู่ร่วมกับผู้สูบบุหรี่บ่อยๆ 
  2. พบเจอมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ก๊าซพิษ สารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน

การติดต่อของโรคหลอดลมอักเสบ

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคหลอดลมอักเสบติดต่อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ โดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในละอองฝอยกระจายอยู่ในอากาศ จากการไอหรือหายใจรดกัน ซึ่งระยะการแพร่กระจายเชื้อสามารถแพร่ได้ก่อนเกิดอาการหรือหลังเกิดอาการแล้ว 

ชนิดของโรคหลอดลมอักเสบ

โรคหลอดลมอักเสบแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ

  1. โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute Bronchitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัด มักเกิดเมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจไล่ลงไปจนถึงหลอดลม เกิดการอักเสบอาการบวมของเยื่อ เมือก ที่บุทางเดินหายใจระคายเคือง
    อาการของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 3 สัปดาห์ มักมีอาการไอ มีเสมหะเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ อาจเป็นหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเมื่อผู้ป่วยมีการอักเสบของโพรงจมูกหรือเป็นหวัด ดังนั้นผู้ป่วยควรรับการรักษาหรือ ปฏิบัติตนให้ถูกต้องเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหลอดลมอักเสบ
  2. โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากทางเดินหายใจที่ได้รับสารระคายเคืองอย่างเรื้อรัง เช่น การสูบบุหรี่ต่อเนื่อง นับเป็นส่วนหนึ่งของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทำให้ร่างกายสร้างสารออกมาเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ ส่งผลให้มีเสลดเสมหะที่เหนียวข้นและกำจัดออกยาก หลอดลมเกิดการอุดตันหรือการบวมซึ่งช่องทางเดินอากาศในหลอดลมที่ตีบแคบลงทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังได้ด้วย
    อาการของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังผู้ป่วยมักไอเรื้อรังต่อเนื่องตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี หรือ 2 ปี มีภาวะหายใจลำบาก เมื่อตรวจร่างกายอาจมีเสียงวี้ด มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจมีอาการหลอดลมอักเสบแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
Advertisement

วิธีป้องกันการเกิดโรคหลอดลมอักเสบ

วิธีป้องกันการเกิดโรคหลอดลมอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและแห้ง 
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง 
  3. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโรคทางเดินหายใจ 
  4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ 
  5. หลีกเลี่ยงการสูดดมควัน กลิ่นฉุน สารเคมี ฝุ่น และสารระคายเคืองต่างๆ 
  6. ดูแลร่างกายให้มีความแข็งแรง ด้วยการหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ เช่น วิ่ง เดินเร็ว หรือว่ายน้ำ เป็นต้น 
  7. พักผ่อนให้เพียงพอ 
  8. ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ 
  9. รักษาอนามัยพื้นฐานด้วยการสวมหน้ากากอนามัย 
  10. ล้างมือให้สะอาด
  11. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง

นอกจากนี้ หากพบว่าตนเองมีอาการรุนแรงมาก ไอเรื้อรังไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ หรือไอเป็นเลือดร่วมด้วย มีไข้ ไอมาก หอบเหนื่อย จนรบกวนการรับประทานอาหาร หรือการนอนหลับ ให้มาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจนก่อให้เกิดปอดอักเสบ นำไปสู่การพัฒนาให้เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้