ชาวมะเขือเผาฟิน! เปิบ “ดักแด้ไหม” ปึ๋งปั๋งเทียบชั้นไวอากร้า

ชาวมะเขือเผาฟิน! เปิบ “ดักแด้ไหม” ปึ๋งปั๋งเทียบชั้นไวอากร้า

ชาวมะเขือเผาฟิน! เปิบ “ดักแด้ไหม” ปึ๋งปั๋งเทียบชั้นไวอากร้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชาวมะเขือเผาได้ฟิน นักวิจัยพบสารสำคัญ “ซิลเดนาฟิล” ใน “ดักแด้ไหม” พันธุ์ไทยพื้นบ้าน เปิบ 22 ตัวสด ปึ๋งปั๋งเทียบชั้นไวอากร้า

นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า จากการที่นายวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหม และคณะได้ร่วมกับ ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง คณะอุตสาหกรรมเกษตร รศ.ดร.ปรัชญา วงศ์ทวีเลิศ และดร.ณัฐชัย ดวงนิล อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการศึกษาวิจัยต่อยอดเพื่อศึกษาสารสกัดในดักแด้ไหมที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย โดยนำดักแด้ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน 2 พันธุ์ คือ พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ ทั้งตัวผู้และตัวเมียเข้าสู่กระบวนการสกัด หลังตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการพบว่า ดักแด้ไหมทั้งตัวผู้และตัวเมียมีฤทธิ์เทียบเท่าสารซิลเดนาฟิล (Sildenafil) หรือไวอากร้า โดยมีฤทธิ์เป็น 102 % ของซิลเดนาฟิล และสารสกัดจากดักแด้ไหม จำนวน 22 ตัว จะมีฤทธิ์เทียบเท่าไวอากร้าขนาด 100 มิลลิกรัม

ทั้งนี้ สารสกัดในดักแด้ไหมเป็นสารที่มีฤทธิ์เช่นเดียวกับที่มีในยาไวอากร้า ซึ่งจากการทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่า สารสกัดจากดักแด้ไหมและสารซิลเดนาฟิลมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดโดยเฉพาะในเพศชาย ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวเมื่อมีสิ่งเร้าหรือมีสิ่งมากระตุ้น หรือแค่ใจเกิดความต้องการทางเพศ ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ความเป็นชายคึกคักฟิตปั๋งได้เทียบชั้นหรืออาจดีกว่ายาไวอากร้า

นอกจากนั้น ดักแด้ไหมยังมีโปรตีน เกลือแร่และมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิดถึง 67 % เช่น กรดไลโนเลอิก (linoleic acid) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโอเมก้า-6 ที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างสมองร่วมกับโอเมก้า-3 ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังมีกรดไลโนเลนิก (linolenic acid) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองในด้านการมองเห็น การปรับตัว การเรียนรู้ และอารมณ์ และดักแด้ไหมยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 ด้วย

“คนไทยนิยมบริโภคดักแด้ไหมที่สุกแล้ว โดยนำไปคั่วซึ่งมีรสมันและอร่อยดี หรือนำไปปรุงอาหารชนิดอื่นก็ได้ เช่น ยำ ไข่เจียวดักแด้ และกะเพรา เป็นต้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะบริโภคดักแด้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะมีดักแด้ไหมขายตามฤดูกาลเลี้ยงไหม ราคากิโลกรัมละ ประมาณ 150-200 บาท ขณะที่ชาวญี่ปุ่นก็บริโภคดักแด้ไหมที่ปรุงแล้วเช่นเดียวกับชาวจีน เกาหลี อินเดีย และพม่า ซึ่งซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งมีการนำดักแด้ไหมไปวางจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการ และในอนาคตองค์การสำรวจอวกาศการบินญี่ปุ่นจะนำดักแด้ไหมไปเป็นอาหารของนักบินอวกาศด้วย เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก” อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook