“ความเครียด” ภัยเงียบทำลายสุขภาพผิว

“ความเครียด” ภัยเงียบทำลายสุขภาพผิว

“ความเครียด” ภัยเงียบทำลายสุขภาพผิว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตือนภัย ระวัง “ความเครียด” ภัยเงียบใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิว พร้อมแนะทางออกสำหรับรับมือกับอาการผิวเครียด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้หลายคนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) ส่งผลให้มีระยะเวลาในการทำงานยาวนานขึ้นกว่าปกติ จนทำให้ไม่สามารถแยกแยะสถานที่ทำงานออกจากบ้านได้ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบของอาการ “ผิวเครียด” 

อาการ “ผิวเครียด” เป็นอย่างไร?

แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ได้กล่าวถึงผลกระทบของความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อผิว รวมถึงวิธีการรับมือกับอาการผิวเครียดว่า อาการผิวเครียด เป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนัง (Psychodermatology) เกิดจากสภาวะของจิตใจหรือความเครียดที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพของผิวพรรณ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นอาการหนึ่งของโรค “ภูมิแพ้” ซึ่งรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย เพราะต้นตอของอาการนั้นมาจาก “ความเครียด” โดยสามารถอธิบายได้อย่างง่ายๆ คือ ความเครียดไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรารู้จักกันในนามของ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ส่งผลเสียต่อกระบวนการทำงานของร่างกายและผิวพรรณ ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นผื่น ระคายเคือง เป็นสิว ติดเชื้อได้ง่าย 

นอกจากนี้ฮอร์โมนความเครียดยังไปกระตุ้นการหลั่ง “เมลาโนไซด์ สติมูเลติง ฮอร์โมน” (Melanicyte Stimulating Hormone หรือ MSH) ซึ่งส่งผลต่อการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ เข้มขึ้นได้ ดังคำโบราณบอกว่าหน้าดำคร่ำเครียด อีกทั้งยังส่งผลยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาวหรือ ‘โกรทฮอร์โมน’ (Growth Hormone) ทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้าน สิว ริ้วรอยก่อนวัยและความหย่อนคล้อยได้ อาการ “ผิวเครียด” หากยิ่งสะสมเป็นเวลานานมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมามากขึ้นเท่านั้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี

วิธีแก้อาการผิวเครียด ผิวเสียจากความเครียด

แนวทางสำหรับรับมือกับอาการผิวเครียด เริ่มจากการดูแลตัวเองจากภายในนั่นคือ 

  1. พยายามลดความเครียด หรือออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียด หาวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น การใช้กลิ่นหอมบำบัด ดนตรีบำบัด สวดมนต์นั่งสมาธิ ออกกำลังกายเบาๆ อย่างโยคะ พิลาทิส เต้นรำ หากิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ 
  2. เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เน้นกลุ่มโปรตีน และไขมันดี อย่างเช่น โอเมก้า 3 น้ำมันมะกอก ไขมันจากถั่ว เพราะเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมนต้านความเครียด รวมถึงอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ 
  3. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง 
  4. ให้ความสำคัญการดูแลผิวเพิ่มเติมจากขั้นตอนปกติ เช่น การกระชับรูขุมขนและคืนความสมดุลของผิวด้วยโทนเนอร์ การเติมเต็มความชุ่มชื้นสู่ผิวด้วยอิมัลชั่น การปกป้องผิวจากริ้วรอยและความหย่อนคล้อยแห่งวัยด้วยเฟเชียล เซรั่ม และการคืนความกระจ่างใสสู่ผิวด้วยเฟซ มาส์ก อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถดูแลผิวให้มีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook