"เด็ก" ก็เครียดเป็น ภัยเงียบที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ
เมื่อพูดถึง “ความเครียด” มันเป็นภาวะหนักอกหนักใจ ก่อให้เกิดความทุกข์ ความรู้สึกแย่ ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย นั่นก็หมายความว่า “เด็ก” ก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่ความเครียดจะยกเว้น ไม่เข้ามากล้ำกราย พวกเขาเองก็ใช้ชีวิตในสังคม วันๆ ต้องเจอกับเรื่องต่างๆ อาจไม่มากหรือเลวร้ายรุนแรงเท่าผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี ฉะนั้น เด็กเองก็มีความเครียดได้ไม่ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราๆ
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่พวกเขายังเด็ก ยังอ่อนประสบการณ์ พวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น รู้แค่เพียงมันไม่มีความสุข มันทุกข์ทรมาน อยากร้องไห้ ไม่รู้ว่าภาวะหนักอกหนักใจที่แบกรับอยู่มันคือความเครียด พวกเขาจึงไม่สามารถแสดงความเครียดออกมาได้มากเท่าที่ตัวเองรู้สึก วิธีแสดงออกของเด็กที่มีภาวะเครียดจึงแตกต่างไปจากผู้ใหญ่ และก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเครียดไม่เป็นด้วย
อย่างในช่วงนี้ เด็กหลายๆ คนเริ่มเผชิญกับภาวะเครียดอย่างหนัก ปัจจัยหลักๆ มาจากการเรียนออนไลน์ ที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอทั้งวัน อยู่บ้านทุกวันไม่ได้ออกไปไหน เรียนก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้วิ่งเล่น ซึ่งมันขัดกับพัฒนาการตามวัยของพวกเขา แต่ผู้ใหญ่บางบ้านก็ไม่เข้าใจว่ามันจะทำให้เด็กเครียดได้อย่างไรกัน จุดนี้เองเป็นจุดที่ทำให้เด็กคนหนึ่งรู้สึกแย่ที่สุด และอาจทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้อย่างง่ายดาย อย่างการที่เด็กวัยเพียงประถมศึกษา อายุยังไม่เข้าเลขสองหลักด้วยซ้ำฆ่าตัวตาย
เป็นเด็กจะมามีเรื่องเครียดอะไร
ความเครียดเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และเด็กก็เป็นคน มีจิตใจ แต่ผู้ใหญ่บางคนกลับพูดกับพวกเขาว่าเป็นเด็กจะมีเรื่องเครียดอะไรนักหนา เหมือนตัวเองไม่เคยเป็นเด็กมาก่อน ระดับของความเครียดมันก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามคุณวุฒิและวัยวุฒิ เพราะฉะนั้น คุณจะเอาเกณฑ์เด็กผู้ใหญ่มาวัดเด็กไม่มีเรื่องเครียดไม่ได้ อะไรก็ตามที่มันอาจดูไม่ใช่ปัญหาหรือเป็นเรื่องเล็กของคุณ แต่มันเป็นความทุกข์ของพวกเขา ที่เห็นทุกวันนี้ ผู้ใหญ่บางคนไม่เข้าใจว่าเด็กเครียดกับการเรียนออนไลน์มากแค่ไหน คุณอาจคิดว่ามันสบาย ไม่ใช่เรื่องยาก ก็เพราะคุณไม่ได้มานั่งเรียนเองไง!
ไม่เคยสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
เด็กนั้นยังไม่สามารถแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความเครียดออกมาได้ชัดเจนเหมือนผู้ใหญ่ ยิ่งกับวัยรุ่น ซึ่งอยู่ในวัยค้นหาตัวเอง จึงมีบ่อยครั้งที่พวกเขาจะสับสนชีวิต เมื่อรับมือไม่ถูก ร่างกายจะพยายามแสดงออกได้หลายแบบ เช่น ปวดหัวบ่อย ร้องไห้ เบื่ออาหาร เก็บตัว วิตกกังวล ขี้หงุดหงิด เศร้า เหม่อลอย และบ่อยครั้งก็ขาดสติและสมาธิ ทั้งที่อาการชัดเจนขนาดนี้ แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยสังเกต ไม่เคยถาม ไม่เคยแสดงความห่วงใยและเข้าใจเลย นี่ก็ทำให้คุณไม่เข้าใจสภาพจิตใจของพวกเขา และปฏิบัติกับพวกเขาแบบที่ไม่แคร์จิตใจเขาเลย
ต่อว่าทั้งที่ไม่เคยถาม
บ่อยครั้งที่คนเรามักจะแสดงพฤติกรรมไม่ดีบางอย่างออกมาเพราะสภาพจิตใจไม่ปกติ เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ไม่มีสติได้ยั้งคิด ซึ่งผู้ใหญ่ไม่เคยสังเกตความผิดปกติก่อนหน้านั้น แต่เปิดฉากต่อว่าลูกหลานทันที การดุด่าต่อว่าหรือการตี ยิ่งทำให้เด็กรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง พวกเขาจะคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก บ้านไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย และอาจทำให้เขามีพฤติกรรมต่อต้านในครั้งต่อๆ ไป เพื่อป้องกันตนเอง ดังนั้น อย่าเพิกเฉยต่อพฤติกรรมแปลกๆ ที่เขาแสดงออกมา อย่างน้อยก็ถามไถ่สุขภาพใจของพวกเขาบ้าง พวกเขาอาจไม่เปิดปากพูด แต่ก็ลดกำแพงลง เพราะผู้ใหญ่ตรงหน้ายังสนใจเขาอยู่
คนอื่นเขามีเรื่องเครียดกว่าตั้งเยอะ
คนที่ต้องการระบายความเครียด ส่วนมากเขาต้องการเพียง “ผู้ฟังที่ดี” บางทีเขาไม่ได้ขอให้ช่วยแก้ปัญหาด้วยซ้ำ นี่นอกจากจะไม่ฟัง ยังเปรียบเทียบความเครียดที่พวกเขาแบบรับกับที่คนอื่นแบบรับอีก พวกเขาเห็นว่าพ่อแม่มีความเครียด แต่พวกเขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาเกทับว่าลำบากกว่า หรือมาทับถมว่าเรื่องที่พวกเจอมันจิ๊บจ๊อย คุณไม่รู้ว่าจิตใจลูกหลานคุณนั้นรับเรื่องแย่ๆ ได้แค่ไหน ที่สำคัญ คุณเอาความเครียดของผู้ใหญ่มาเป็นมาตรฐานกับเด็กไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายคน “ไม่เข้าใจ” จากนั้นพวกเขาก็จะไม่ไว้ใจขอความช่วยเหลือจากคุณอีก
แค่นี้ยังรับไม่ได้ ถ้าโตกว่านี้จะเป็นยังไงเนี่ย
แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่โตไง อีกทั้งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะแสดงออกและรับมือกับมันอย่างไรด้วย ลองคิดดูว่ากว่าผู้ใหญ่ในวันนี้จะผ่านเรื่องแย่ๆ มาได้ คุณอาศัยว่าตนเองมีประสบการณ์ชีวิต ผ่านโลกมาเยอะ แต่พวกเขาไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้เท่าผู้ใหญ่ มันก็เป็นเรื่องยากเป็นธรรมดา ที่สำคัญ พวกเขาต้องการคนรับฟัง คนเข้าใจ หรือคนช่วยแก้ปัญหา ไม่ได้อยากฟังว่าอนาคตจะต้องเครียดหรือทุกข์ทรมานมากกว่านี้ นี่อาจทำให้พวกเขารู้สึกกลัวที่จะเป็นผู้ใหญ่ กลัวที่จะรับอะไรที่หนักกว่านี้ไม่ได้ คำขู่สร้างความกดดันและบั่นทอนกำลังใจมากกว่าจะทำให้พวกเขาเข้มแข็ง