ระวังโรค "เมลิออยด์" คนมีแผลที่เท้า ควรเลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลน

ระวังโรค "เมลิออยด์" คนมีแผลที่เท้า ควรเลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลน

ระวังโรค "เมลิออยด์" คนมีแผลที่เท้า ควรเลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนประชาชนระวังโรคเมลิออยด์ พบมากในฤดูฝน รอบ 8 เดือนปีนี้ พบป่วยแล้วกว่า 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อ คือเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่มีแผลที่เท้า ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่สูบบุหรี่จัด-ดื่มเหล้าจัด เชื้อสามารถเข้าทางผิวหนัง การหายใจและกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ  วิธีการป้องกันขอให้เลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน หากจำเป็นควรใส่รองเท้าบูท ไม่ควรอยู่ในที่โล่งขณะมีลมฝน เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นดินที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ปอด รวมถึงแนะนำให้ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง

โรคเมลิออยด์ คืออะไร?

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับโรคที่เกิดในช่วงฤดูฝนว่าโรคที่กรมควบคุมโรคให้ความสำคัญและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง คือโรคเมลิออยด์หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าโรคไข้ดิน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุจะอยู่ในดินและในน้ำ เข้าสู่ร่างกายคนเราได้ 3 ทาง คือ

  1. ทางบาดแผลที่ผิวหนัง
  2. ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป
  3. สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน

อาการของโรคเมลิออยด์

อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น

  • มีไข้สูง
  • มีฝีที่ผิวหนัง
  • มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ
  • บางรายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย
  • อาจติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อ แล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้

ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้เป็นหลัก จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา

กลุ่มเสี่ยงโรคเมลิออยด์

ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคนี้ มี 5 กลุ่ม ได้แก่

  1. ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องสัมผัสกับดินและน้ำโดยตรงหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย เช่น แมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะ เป็นต้น
  2. ผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า
  3. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  4. ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
  5. คนสูบบุหรี่จัดหรือติดเหล้า 

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 64 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 1,426 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน พบมากที่สุด คืออายุ 55-64 ปี รองลงมา คือ 45-54 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ พบในกลุ่มอาชีพเกษตรกรมากที่สุด พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากอันดับ 1 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา คือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ คาดว่าในช่วงฤดูฝนนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์เพิ่มขึ้น

วิธีรักษาโรคเมลิออยด์

ขณะนี้โรคเมลิออยด์มียาปฏิชีวนะรักษาหายขาด สามารถรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งผู้ป่วยต้องกินให้ครบชุด ใช้เวลาประมาณ 20 สัปดาห์ ทางด้านแพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคเมลิออยด์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน สามารถป่วยซ้ำได้อีก

วิธีป้องกันโรคเมลิออยด์

วิธีการป้องกันโรคดังกล่าวสามารถทำได้ ดังนี้

  1. ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ และรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่
  2. หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
  3. รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง
  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัส  ลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน
  5. ลดละเลิกการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นและมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook