สูตร “น้ำปั่น” ที่คุณหมอชาวญี่ปุ่นแนะนำว่าช่วย “ลดน้ำหนัก” ได้ดี
คุณหมอชาวญี่ปุ่นได้กล่าวไว้ว่าการลดน้ำหนักที่ดีนั้นควรเริ่มต้นจากการดูแลลำไส้ให้สะอาด หากลำไส้ไม่สะอาดของเสียจากอาหารที่คั่งค้างและจากระบบเผาผลาญพลังงานจะถูกดูดซึ่งเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้เลือดหนืดข้น และทำให้เกิดการสะสมของไขมันชั้นใต้ผิวและอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย การดูแลลำไส้ให้ดีนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่ายแล้ว ก็มีผลในการเสริมให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี ส่งผลให้ผิวพรรณดีและไม่อ้วนง่าย มาดูสูตรน้ำปั่นที่คุณหมอชาวญี่ปุ่นแนะนำให้ดื่มเพื่อทำให้ลำไส้สะอาดและส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักกันค่ะ
น้ำปั่นดีต่อการลดน้ำหนักอย่างไร
การดูแลสุขภาพลำไส้โดยการดื่มน้ำปั่นมีข้อดีคือ สามารถนำผักหรือผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารมาปั่นรวมกันและดื่มได้ง่ายในทุกๆ วัน การปั่นจนละเอียดทำให้ร่างกายย่อยและดูดซึมสารอาหารสำคัญจากผักและผลไม้ได้ง่าย ไม่เป็นภาระของกระเพาะอาหาร ช่วยเสริมให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี และยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ
สุดยอดผักและผลไม้ที่ทำให้ลำไส้สะอาด
นอกจากอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารแล้ว ผักและผลไม้ดังต่อไปนี้ได้ชื่อว่ามีคุณสมบัติเป็นเลิศในการทำให้ลำไส้สะอาดและสิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี ได้แก่ แอปเปิ้ล ซึ่งอุดมไปด้วยเพกตินที่ช่วยปรับสภาพแวดล้อมของลำไส้ให้ดี กล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและน้ำตาลโอลิโกแซคคาไรด์ ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และช่วยป้องกันอาการท้องผูก และกะหล่ำปลี ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน U ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะอาหารขึ้นมาใหม่ ช่วยรักษาแผลที่เกิดขึ้นที่บริเวณเยื่อบุของกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น อีกทั้งกะหล่ำปลีดิบยังอุดมไปด้วยเอนไซม์อะไมเลสซึ่งช่วยย่อยอาหารประเภทแป้งให้เป็นน้ำตาล
สูตรน้ำปั่นเพื่อทำให้ลำไส้สะอาด
สูตรที่ 1 แอปเปิ้ล กล้วยและกะหล่ำปลีปั่น (พลังงาน 174 กิโลแคลอรี่ )
วัตถุดิบ
- แอปเปิ้ล 1/2 ผล
- กล้วย 1 ผล
- กะหล่ำปลี 1 ใบ
- น้ำ 1/4 แก้ว
วิธีทำ
- นำใบกะหล่ำปลีมาล้างให้สะอาด ใช้มือฉีกให้เป็นชิ้นขนาดเล็ก และใส่ลงไปในเครื่องปั่น
- ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเอาแกนกลางออก ใช้มีดหั่นให้เป็นชิ้นพอคำ และใส่ลงไปในเครื่องปั่น
- ปอกกล้วยและหักเป็นชิ้นพอคำ นำใส่ไปในเครื่องปั่น แล้วเติมน้ำลงไป
- ปิดฝาเครื่องปั่นและปั่นจนส่วนผสมแหลกเข้ากันได้ดี แล้วจึงนำมารินใส่แก้ว
สูตรที่ 2 แอปเปิ้ล แครอทและน้ำส้มปั่น (พลังงาน 112 กิโลแคลอรี่ )
วัตถุดิบ
- แอปเปิ้ล 1/2 ผล (ล้างให้สะอาด หั่นเอาแกนกลางออก ใช้มีดหั่นให้เป็นชิ้นพอคำ)
- แครอท 1/3 หัว (ปอกเปลือกและหั่นให้มีขนาดพอคำ)
- ส้ม 1/2 ผล
- น้ำ 1/4 ถ้วย
สูตรที่ 3 กล้วย สตรอร์เบอร์รี่และน้ำมะนาวเหลืองปั่น (พลังงาน 115 กิโลแคลอรี่ )
วัตถุดิบ
- กล้วย 1 ผล (ปอกเปลือกและหักเป็นชิ้นพอคำ)
- สตรอว์เบอร์รี 5 ผล
- น้ำมะนาวเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
สูตรที่ 4 กล้วย กีวี่และโยเกิร์ตปั่น (พลังงาน 193 กิโลแคลอรี่ )
วัตถุดิบ
- กล้วย 1 ผล (ปอกเปลือกและหักเป็นชิ้นพอคำ)
- กีวี่ 1 ผล (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอคำ)
- โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย
สูตรที่ 5 กะหล่ำปลี มะม่วงและโยเกิร์ตปั่น (พลังงาน 149 กิโลแคลอรี่ )
วัตถุดิบ
- กะหล่ำปลี 1 ใบ (ล้างให้สะอาดและใช้มือฉีกให้เป็นชิ้นขนาดเล็ก)
- มะม่วง 1/2 ผล (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอคำ)
- โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย
เวลาที่ดีในการดื่มน้ำปั่นเพื่อให้สุขภาพลำไส้ดีและส่งผลในการลดน้ำหนัก
- ดื่มตอนเย็น
การดื่มน้ำปั่นในช่วงเวลาที่คนเรารู้สึกผ่อนคลายที่สุด คือ หลังอาหารมื้อเย็นและหลังการแช่น้ำอุ่น จะเสริมให้ระบบประสาทอัตโนมัติที่เกี่ยวกับการผ่อนคลาย คือ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกทำงานเด่นเพิ่มขึ้น ทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี และส่งผลดีต่อระบบการเผาผลาญพลังงานและระบบขับถ่าย
- ใช้วัตถุดิบ 2-3 ชนิด
วัตถุดิบ 2-3 ชนิด นอกจากจะให้เส้นใยอาหารและสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายแล้ว ก็จะทำให้น้ำปั่นที่ได้มีรสชาติอร่อยและง่ายที่จะดื่มติดต่อกันในระยะยาว
- ดื่มในปริมาณ 200-300 มิลลิลิตร
การดื่มในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายรับพลังงานเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป หากผลไม้ที่ใช้มีรสหวานมากก็ควรดื่มครั้งละ 100-200 มิลลิลิตร
หากอยู่ในช่วงที่กำลังอยากลดน้ำหนักแต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ก็ขอแนะนำน้ำปั่นสูตรต่างๆ ข้างต้น ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร