วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ด้วยตนเอง

วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ด้วยตนเอง

วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ด้วยตนเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ส้นเท้าด้าน ส้นเท้าแตก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้วิธีแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง

ส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร

พญ. สุราศี อิ่มใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก ระบุว่า ส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • อากาศที่แห้งหรือหนาวเย็น 
  • ภาวะร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย 
  • อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ร้อนจนเกินไป 
  • แช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานานหรือบ่อยเกินไป 
  • ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง 
  • ไม่ทาครีมบำรุงที่ทำให้เท้ามีความชุ่มชื้น 
  • การขัดเท้า 
  • การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมเท้าหรือเปิดผิวเท้ามากเกินไป 
  • มีภาวะอ้วน มีน้ำหนักตัวมาก 
  • ป่วยเป็นโรคเบาหวาน 

อันตรายจากส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก

หากมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าแตกเป็นอย่างมาก อาจเสี่ยงเป็นแผล และหากดูแลแผลไม่ดี อาจเสี่ยงมีหนอง หากอาการไม่บรรเทาแม้พยายามรักษาด้วยวิธีต่างๆ ด้วยตนเองแล้ว ควรไปพบแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางที่รักษาเท้า เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและรีบรักษาได้อย่างทันท่วงที

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้มีภาวะอ้วน หากปล่อยไว้จนเป็นแผลลึกและไม่ได้รับการรักษา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้ ควรรีบพบแพทย์เช่นกัน

วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ใช้อะไรดี

  1. ใช้ครีมบำรุง ยา หรือผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว สำหรับส้นเท้าแตก เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น
  • ไดเมทิโคน (Dimethicone) จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำให้แก่ผิว ลดการเกิดหนังที่หนาและด้านจากภาวะผิวแห้งที่จะทำให้เกิดผิวส้นเท้าแตกตามมา
  • ครีมที่มีส่วนผสมของ น้ำมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก โดยสามารถใช้ทาได้วันละหลายๆ ครั้ง ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทาหลังอาบน้ำ
  • ปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly) เป็นเจลเหลวที่ใช้ทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวบริเวณที่เป็นส้นเท้าแตก ทาก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้าทับ ให้ผิวบริเวณส้นเท้าที่แตกได้ดูดซับความชุ่มชื้นจากเจลไปตลอดคืนในระหว่างที่นอน
  1. ดื่มน้ำให้มากเพียงพอใจแต่ละวัน ผู้ชายดื่มน้ำวันละ 3-3.5 ลิตร ผู้หญิงดื่มน้ำวันละ 2-2.5 ลิตร การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นกับผิวโดยรวม รวมถึงส้นเท้าได้
  2. เลือกใช้สบู่ที่ช่วยถนอมผิว มีสารที่ให้การบำรุงผิว (เช่น มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ วิตามินอี ฯลฯ) ไม่ก่ออาการแพ้ ไม่ระคายเคืองผิว และไม่ทำให้ผิวแห้ง ไม่ใช้สบู่ที่มีสารเคมีเข้มข้นหรือที่มีส่วนผสมทำให้ผิวแห้ง
  3. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด หรือร้อนจัด ไม่แช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน และไม่อาบน้ำนานจนเกินไป
  4. เลือกสวมรองเท้าที่มีพื้นรองเท้านุ่ม หากใครมีน้ำหนักตัวมาก อาจลองเลือกเป็นพื้นยางหรือพื้นที่มีวัสดุช่วยผ่อนน้ำหนักและแรงกดที่เท้า หลีกเลี่ยงรองเท้าแตะหรือรองเท้าพื้นแข็ง
  5. ไม่สวมรองเท้าที่คับแน่นจนเกินไป
  6. สำรวจสุขภาพเท้าเป็นประจำ อย่าปล่อยให้แห้ง แตก ด้าน จนเป็นแผล หากเป็นแผลควรรีบรักษา

อ่านเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook