6 สุดยอดผลไม้ที่ชาวญี่ปุ่นแนะนำให้กินช่วงหน้าหนาว
เข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงและย่างเข้าฤดูหนาว อากาศที่หนาวเย็นและแห้งทำให้คนญี่ปุ่นป่วยเป็นไข้ได้ง่าย มารู้จัก 3 สุดยอดผลไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่นักจัดอาหารญี่ปุ่นแนะนำว่าควรรับประทานเป็นประจำเพื่อความงามและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงกันค่ะ
3 สุดยอดผลไม้ที่มีคุณค่าสารอาหารสูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
-
ลูกพลับ (柿, Kaki)
ลูกพลับ 100 กรัมมีวิตามินซี 70 มิลลิกรัม หากรับประทานลูกพลับเพียงแค่ 2/3 ผลก็จะทำให้ได้รับปริมาณวิตามินซีประมาณ 100 มิลลิกรัมซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน อีกทั้งลูกพลับยังอุดมไปด้วยสารประกอบ บีต้า คริปโตแซนทิน (β-Cryptoxanthin) ในปริมาณ 500 ไมโครกรัมต่อลูกพลับ 100 กรัม สารชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและโรคมะเร็ง เป็นต้น อีกทั้งยังอุดมไปด้วยบีต้า แคโรทีน (β-carotene) ในปริมาณ 420 ไมโครกรัมต่อลูกพลับ 100 กรัม ซึ่งสารชนิดนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายและมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างแข็งแรงของเยื่อเมือก ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและทำให้ผิวพรรณสวยงาม
-
องุ่น (ぶどう, Budou)
องุ่นเป็นผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้มากในช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ผิวเปลือกขององุ่นยิ่งเข้มยิ่งอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยชะลอความแก่และป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน
-
แอปเปิ้ล (りんご, Ringo)
แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตสซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสและพลังงานให้แก่ร่างกาย โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สารโปรไซยานิดิน (Procyanidin) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารโพลีฟีนอลที่มีปริมาณถึงร้อยละ 60 ของสารประกอบโพลีฟีนอลในแอปเปิ้ล สารชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันการดูดซึมของไขมันเข้าสู่ร่างกาย ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดี และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานที่ดีของลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง และป้องกันอาการท้องผูก ด้วยว่าสารประกอบโพลีฟีนอลและเพคตินส่วนใหญ่จะอยู่ที่เปลือกของแอปเปิ้ล การรับประทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือกจะทำให้ร่างกายได้รับโพลีฟีนอลและเพคตินในปริมาณสูงสุด
3 สุดยอดผลไม้ที่มีคุณค่าสารอาหารสูงสุดในช่วงฤดูหนาว
-
ส้มคินคัง (キンカン, Kinkan)
ส้มคินคังหรือในอีกหลายชื่อได้แก่ ส้มคัมควอท (Kumquat) ส้มกิมจ้อ หรือส้มเปลือกหวาน เป็นส้มขนาดเล็กที่รับประทานได้ทั้งเปลือก ผิวเปลือกส้มมีกลิ่นหอมขึ้นจมูกเล็กน้อย แต่เมื่อรับประทานเข้าไปจะมีรสชาติอร่อยจากรสหวานและเปรี้ยวอย่างลงตัว ส้มคินคังอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนคอลลาเจนซึ่งเป็นองค์ประกอบของผิวหนังได้ดี ทำให้ผิวหนังแข็งแรงและสวย อีกทั้งยังช่วยให้เนื้อเยื่อเมือกที่บริเวณคอและจมูกแข็งแรง ทำให้ยากต่อการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย นอกจากนี้สารเฮสเพอริดินซึ่งมีมากที่ผิวส้มจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอลในเลือด เสริมการไหลเวียนที่ดีของเลือด ป้องกันโรคภูมิแพ้ และช่วยป้องกันโรคมะเร็ง เป็นต้น
-
กีวี (キウイフルーツ, Kiuifurutsu)
ในญี่ปุ่นนอกจากจะมีกีวีนำเข้าจากต่างประเทศที่ให้หาซื้อมารับประทานได้ตลอดทั้งปีแล้ว ก็มีกีวีรสชาติอร่อยที่ผลิตได้ในประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงเดือนธันวาคม กีวีอุดมไปด้วยเอนไซม์โปรติเอสที่เชื่อว่า แอคตินิดิน (Actinidin) ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนที่รับประทานเข้าไป อีกทั้งกีวี 100 กรัมมีวิตามินซี 69 มิลลิกรัม และมีกรดโฟลิกซึ่งจำเป็นสำหรับหญิงมีครรภ์ถึง 35 ไมโครกรัม นอกจากนี้กีวียังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ (46-52 กิโลแคลอรี่ต่อกีวี 1 ผล) ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักหากอยากรับประทานกีวีมากกว่า 1 ผล
-
ส้มมิคัง (みかん, Mikan)
ส้มหรือมิคังอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและผิวหนัง สารประกอบบีต้า คริปโตแซนทิน (β-Cryptoxanthin) ในปริมาณที่สูง (1,700 ไมโครกรัมต่อส้มมิคัง 100 กรัม) สารชนิดนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเยื่อเมือก ส่งผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้แก่ เบาหวาน โรคหลอดเลือดแดงแข็งและความผิดปกติของไต เป็นต้น นอกจากนี้กากใยสีขาวหรือเยื่อสีขาวบนเนื้อส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน P ซึ่งช่วยเสริมการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายได้ดี โดยวิตามินชนิดนี้จะมีอยู่ในกากใยสีขาวในปริมาณที่มากกว่าเนื้อส้มถึง 300 เท่า ดังนั้นวิธีการรับประทานส้มเพื่อให้รับประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุดคือ รับประทานเยื่อสีขาวไปพร้อมกับเนื้อส้ม
ในช่วงฤดูหนาวญี่ปุ่นเป็นช่วงที่อากาศแห้งทำให้เกิดการเจริญและแพร่กระจายของไวรัสได้ดี ส่งผลให้ป่วยได้ง่าย การรับประทานผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารจึงอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงของคนญี่ปุ่น