"ขึ้นเครื่องบิน" เสี่ยง "ซิลิโคนหน้าอกแตก" จริงหรือไม่?
อีกความกังวลใจของผู้ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสาร คือ ความกังวลใจว่าถุงซิลิโคนอาจแตกจากแรงดันในเครื่องบิน ซึ่งความเป็นจริง นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด อธิบายไว้ว่า “ถุงซิลิโคนสำหรับใช้เสริมเต้านมที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ จะทนต่อแรงบีบ (Pressure) ได้สูงมาก หากเปรียบเทียบกับแรงดันในเครื่องบิน ซึ่งน้อยกว่าความดันที่สามารถทำให้ถุงซิลิโคนเต้านมที่ได้มาตรฐานแตกได้ 10-15 เท่า จึงเป็นไปได้ยากมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ถุงซิลิโคนจะแตกหรือรั่วซึมจากการขึ้นเครื่องบิน”
ปัจจัยที่มีผลสำหรับการทนต่อแรงดันของถุงซิลิโคน ได้แก่ ความหนาของถุงซิลิโคน ระยะเวลาที่ใส่และชนิดของซิลิโคนที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท ในปัจจุบันบริษัทผลิตซิลิโคนที่ได้มาตรฐานจะมีการรับประกันคุณภาพตลอดชีวิต โอกาสแตกหรือรั่วซึมน้อยมากเพียงแค่ ซึ่งน้อย 0.5 – 1 เปอร์เซ็นต์
ในกรณีผู้ที่เคยศัลยกรรมหน้าอกไปแล้วมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรมาพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะอาจมีการแตก (Ruptured Implant) หรือรั่วซึม (Silicone Leakage) ของซิลิโคน ได้แก่
- หน้าอกผิดรูปไปจากเดิม
- มีอาการปวด แสบ บริเวณหน้าอก
- หน้าอกมีขนาดเล็กลงอย่างฉับพลัน
- หน้าอกแข็ง
ทั้งนี้ บางรายอาจไม่มีอาการใดปรากฏ (Silence Rupture) แต่ทั้งนี้หากตรวจพบว่าซิลิโคนรั่วซึม หรือแตก แพทย์จะทำการผ่าตัดรักษา นำซิลิโคนเก่าออก (Remove Silicone) ล้างเนื้อเยื่อให้สะอาดและเลาะพังผืดออก (Capsulectomy) เพื่อใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ FDA (Food and Drug Administration) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคุณภาพสวัสดิภาพและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทางด้านสุขภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ แนะนำให้ผู้ที่เคยศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคน ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และแนะนำให้ตรวจด้วย MRI ครั้งแรกหลังจากเสริมหน้าอกไปแล้ว 3 ปี จากนั้นควรตรวจทุก 2 ปี