5 วิธี เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เสี่ยง “สมาธิสั้น”

5 วิธี เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เสี่ยง “สมาธิสั้น”

5 วิธี เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เสี่ยง “สมาธิสั้น”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กเล็กหลายคนเสี่ยงโรคสมาธิสั้นจากการดูแลที่ไม่ถูกต้องของพ่อแม่ โดยเฉพาะการเลี้ยงดูลูกด้วยการอาศัยตัวช่วยอย่างเทคโนโลยีในโลกดิจิตอล สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

สาเหตุของอาการสมาธิสั้นในเด็ก

อ. พญ.ศศิธร ปรีชาวุฒิเดช แพทย์ฝ่ายจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า เทคโนโลยีในการสื่อสารและบันเทิงในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของแสง สี เสียง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นประสาทสัมผัสอยู่ตลอดเวลา เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เด็กไม่สามารถรอคอย หรือควบคุมตนเองให้มีสมาธิยาวนานได้

พญ. นิดา ลิ้มสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สาเหตุของอาการสมาธิสั้นในเด็ก เกิดจากสมองส่วนหน้าที่มีหน้าที่ควบคุมเรื่องการสมาธิจดจ่อ การยับยั้งชั่งใจและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำงานน้อยกว่าเด็กปกติ เพราะสารสื่อประสาทหลั่งออกมาน้อยกว่าคนปกติ ถ้าเปรียบสมองเป็นรถ สารสื่อประสาทก็เหมือนกับน้ำมัน ถ้าไม่มีน้ำมัน รถก็วิ่งไม่ได้

อาการของเด็กสมาธิสั้น

พญ. นิดา ระบุอาการของเด็กสมาธิสั้นที่สังเกตได้เอาไว้ ดังนี้

อยู่ไม่นิ่ง ซน

  • ยุกยิก
  • กระสับกระส่าย
  • มืออยู่ไม่สุข
  • อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องขยับตลอด
  • นั่งไม่ติดที่ ชอบเดินไปมา
  • ชอบวิ่ง ไม่เดิน
  • ชอบปีนป่าย เล่นผาดโผน
  • เล่นแรง เล่นได้ไม่เหนื่อย
  • พูดเก่ง พูดเร็ว
  • พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อยๆ

หุนหันพลันแล่น

  • รอคอยไม่ได้
  • คิดอะไรจะทำทันที เหมือนรถไม่มีเบรค
  • พูดสวน
  • พูดทะลุกลางปล้อง
  • ตอบก่อนผู้ถามจะถามจบ
  • ถ้าต้องทำอะไรที่ช้าๆ หรือนานๆ จะไม่อยากทำหรือไม่อดทนพอที่จะทำสิ่งนั้น

ไม่มีสมาธิ

  • ทำงานตกหล่น สะเพร่า
  • เหม่อลอย
  • ขี้ลืม
  • ทำของหายบ่อยๆ
  • ทำอะไรนานๆ ไม่ได้
  • เปลี่ยนกิจกรรมบ่อยๆ
  • ทำงานไม่เสร็จ
  • วอกแวกง่าย อะไรผ่านก็หันไปมอง
  • เหมือนไม่ได้ฟัง เวลามีคนพูดด้วย

5 วิธี เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เสี่ยง “สมาธิสั้น”

อ. พญ.ศศิธร ระบุวิธีป้องกันเด็กสมาธิสั้นเอาไว้ ดังนี้

  1. เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรดูจอโทรทัศน์ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
  2. จำกัดเวลาในการใช้สื่อหรือเทคโนโลยีผ่านหน้าจอ
  3. หากจะใช้สื่อผ่านหน้าจอ ควรเลือกรายการรับชมที่เหมาะสมกับเด็กและพ่อแม่ควรร่วมดูไปพร้อมกับลูก
  4. พ่อแม่ควรให้เวลากับลูก พาลูกทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ออกกำลังกาย เล่นกลางแจ้ง อ่านหนังสือ
  5. พ่อแม่ควรจำกัดเวลาการใช้หน้าจอของตนเองเช่นกัน เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกอย่างเพียงพอ

การรักษาโรคสมาธิสั้นในเด็ก

แพทย์อาจพิจารณาวิธีรักษาตามลักษณะอาการของเด็กแต่ละคน มีตั้งแต่การเริ่มค่อยๆ ปรับพฤติกรรมทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เพื่อให้เด็กมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คนอื่นพูดมากขึ้น (นั่งหน้าชั้นเรียน ตั้งกฎให้ทำตามง่ายๆ เช่น ต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อนถึงจะทำอีกอย่างต่อได้) รวมถึงการให้คำชมเมื่อเด็กทำได้ถูกต้องและสำเร็จ

นอกจากนี้อาจมีการพิจารณาให้กินยาเพิ่มสมาธิ มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงมากโดยเฉพาะยาในกลุ่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท เช่น Methylphenidate จะสามารถลดอาการทั้ง 3 ด้านได้ โดยตัวยาเข้าไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าลูกจะเป็นโรคสมาธิสั้น ควรพาเด็กมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook