"มะเขือเทศ" ประโยชน์ และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

"มะเขือเทศ" ประโยชน์ และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

"มะเขือเทศ" ประโยชน์ และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มะเขือเทศ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับมะเขือ มีสี ขนาด และลักษณะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานมากที่สุดคือมะเขือเทศสีดา และมะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะวิตามินซีและไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของมะเขือเทศ

มะเขือเทศ 100 กรัม อาจมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

  • พลังงาน 18 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 3.89 กรัม
  • ไฟเบอร์ 1.2 กรัม
  • โปรตีน 0.88 กรัม
  • โพแทสเซียม 237 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 13 มิลลิกรัม.

นอกจากนี้ มะเขือเทศยังอุดมไปด้วยสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้เสื่อมสภาพเนื่องจากสารอนุมูลอิสระ และยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคมะเร็งได้

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อปี พ.ศ. 2560 เรื่องบทบาทวิตามินซีต่อสุขภาพผิว พบว่า วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของสุขภาพผิว ช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่น และอาจช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร

นอกจากนี้ มะเขือเทศยังมีสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดด จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Journal of Nutrition พ.ศ. 2544 ที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการรับประทานมะเขือเทศเพื่อป้องกันผื่นแดงที่เกิดจากแสงแดด โดยทำการทดลอง ให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบรับประทานซอสมะเขือเทศเข้มข้น 40 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่า อาการผื่นแดงลดลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานซอสมะเขือเทศเข้มข้น

  • ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

สารต้านอนุมูลอิสระต่าง เช่น ไลโคปีน วิตามินซี อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ จากรายงานทบทวนงานวิจัย ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมะเขือเทศและสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Critical Reviews in Food Science and Nutrition เมื่อปี พ.ศ. 2546 พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อาจสามารถช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) ที่ส่งผลทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ

นอกจากนี้ มะเขือเทศยังมีโพแทสเซียมที่อาจช่วยลดปริมาณของไขมันไม่ดี (LDL) ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และอาจช่วยลดความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย

  • อาจช่วยป้องกันมะเร็ง

ไลโคปีนที่พบได้ในมะเขือเทศ อาจสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ จากการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของไลโคปีนในการยับยั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Biomedicine & Pharmacotherapy เมื่อปี พ.ศ. 2563 พบว่า ไลโคปีนอาจสามารถช่วยยับยั้งการลุกลามและการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และอาจช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากตายไวขึ้น จึงอาจมีประโยชน์ต่อการรักษาหรือป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่แน่ชัดในการรับประทานมะเขือเทศเพื่อป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือโรคมะเร็งชนิดอื่น

ข้อควรระวังในการรับประทานมะเขือเทศ

มะเขือเทศ โดยเฉพาะมะเขือเทศสด อาจมีการปนเปื้อนของสารเคมีและยาฆ่าแมลง ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อมะเขือเทศจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และควรล้างทำความสะอาดมะเขือเทศให้ดีทุกครั้งก่อนรับประทาน นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการรับประทานส่วนใบของมะเขือเทศ เนื่องจากอาจเป็นพิษต่อร่างกาย และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ท้องเสีย อาเจียน ระคายเคืองปากและคอ ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้หากรับประทานในปริมาณมาก

  • ผู้ป่วยโรคไต ควรระมัดระวังการรับประทานมะเขือเทศ เนื่องจากมะเขือเทศมีโพแทสเซียมสูง การรับประทานมะเขือเทศมากเกินไปอาจทำให้ไตไม่สามารถกำจัดโพแทสเซียมส่วนเกินออกไปได้ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจทำให้หัวใจวายได้
  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายจากการรับประทานมะเขือเทศในผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานมะเขือเทศในปริมาณเหมาะสม และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook