7 วิธีดูแลผิวหน้า ลด “สิว” ใต้ “หน้ากากอนามัย”
การป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อโรคนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่อาจละเลยได้ในปัจจุบัน การสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาที่ต้องออกไปสถานที่สาธารณะจึงเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้ แต่การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้นมักทำให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพผิวโดยที่เราไม่รู้ตัว อาทิ การอับชื้น เกิดการเสียดสีระหว่างผิวกับหน้ากากอนามัย เกิดสิว ผื่นแพ้ เกิดการระคายเคืองและทำร้ายผิวหน้าของเราได้
ทำไมสวมหน้ากากอนามัยแล้วเกิดสิว
แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ระบุว่า ปัจจุบันเราต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค แต่การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้นทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง จนทำให้เกิดสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ถูกปิดทับด้วยหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากนี้เรียกว่า Maskne เป็นสิวที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับหน้ากากอนามัย ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเกิดการอุดตันของรูขุมขนจนทำให้เกิดสิว
ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาบริเวณที่ถูกหน้ากากอนามัยปิดทับ เช่น คาง แนวกราม แก้ม จมูก และรอบปาก ส่วนผู้ที่สวม Face Shield เป็นประจำมักจะพบปัญหาสิวบริเวณหน้าผาก นอกจากปัญหาสิวแล้วยังพบสภาวะโรคผิวหนังอักเสบ (Rosacea) หรือผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก (Perioral dermatitis) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวใต้หน้ากากอนามัย (Maskne) อาทิ
- การแต่งหน้า (Makeup) ในสภาวะที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนและทำให้เกิดสิวตามมา
- ความชื้น (Humidity) ความร้อนและความชื้นจากลมหายใจที่หมุนเวียนภายในหน้ากากอนามัย รวมถึงความอับชื้นจากเหงื่อ และละอองน้ำลาย ส่งผลให้เกิดสภาวะเสียสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนัง (microbiome dysbiosis) ทำให้เกิดสิวหรือผิวอักเสบรวมถึงโรคผิวหนังอื่นๆ ตามมา
- ความเย็นและแห้งของอากาศ (Cold, Dry weather) ส่งผลเสียต่อผิว เนื่องจากต่อมไขมันจะหลั่งน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อปกป้องและรักษาความชุ่มชื้นของผิว เมื่อมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวจึงทำให้เกิดการรวมตัวกับน้ำมันส่วนเกินและเกิดการอุดตันของรูขุมขน จึงทำให้เกิดสิว
- ความเครียด (Stress) ทำให้ผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) โดยจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันบนผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินความจำเป็น หากทำความสะอาดผิวได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จนกลายเป็นสิวอุดตันได้
วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจากการเกิดสิวใต้หน้ากากอนามัย
ปัญหาสิวจากการใส่หน้ากากอนามัยมีความสัมพันธ์กับความแข็งแรงของเกราะปกป้องผิว (Skin Barrier) ซึ่งเป็นผิวหนังขั้นนอกสุด ช่วยปกป้องไม่ให้สิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาในชั้นผิว รวมถึงทำหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิว หากเกราะปกป้องผิวเกิดความอ่อนแอ ผิวก็จะไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง รวมถึงการเกิดผดผื่นและสิวได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นและแข็งแรงอยู่เสมอ ส่วนวิธีป้องกันการเกิดสิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากอนามัยนั้น สามารถทำได้โดย
- ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ หรือทำความสะอาดหน้ากากอนามัยแบบผ้าเป็นประจำทุกวัน
- ควรหาเวลาให้ผิวได้ระบายอากาศบ้าง หลังจากใส่หน้ากากอนามัยมาเป็นระยะเวลานาน ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อย 10-15 นาที ทุกๆ 4 ชั่วโมง แต่ต้องมั่นใจก่อนว่าเราอยู่คนเดียว หรืออยู่ในพื้นที่ปลอดการติดเชื้อ เช่น ในห้องส่วนตัว ในรถยนต์ส่วนตัว
- งดใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน หรือควรงดแต่งหน้าบริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัย
- การล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดความแห้งตึงของผิวหลังการล้าง
- เน้นการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน (Non-comedogenic) ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสภาพผิวอย่างสารสกัดจากชิโซะ (Shiso), น้ำมันมะพร้าวออแกนิก (Organic coconut oil), สารสกัดจากอูกอน (Ougon extract) เป็นต้น
- การดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร งดหรือลดอาหารที่มีรสหวานจัด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ช็อกโกแลต ไอศกรีม เพราะส่งผลต่อระดับอินซูลินที่สูงขึ้น ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนัก ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้
- หากใครที่มีปัญหาการแพ้หน้ากากอนามัยก็ขอแนะนำว่าให้สวมใส่หน้ากากผ้าไว้ด้านในก่อน แล้วค่อยสวมหน้ากากอนามัยปิดทับไว้ด้านนอกตรงนี่ก็ช่วยลดอาการแพ้หน้ากากอนามัยได้เป็นอย่างดี