8 อันตราย-ผลข้างเคียงจากการกินใบกระท่อม ที่ควรรู้ก่อนกิน
นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ระบุว่า ใน ใบกระท่อม พบว่ามีสารสำคัญ คือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) เป็นสารจำพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง คล้ายฝิ่น แต่มีฤทธิ์น้อยกว่าประมาณ 10 เท่า และ 7-hydroxymitragynine พบน้อยมากในใบกระท่อมสด แต่มีฤทธิ์รุนแรงกว่ากว่ามอร์ฟีน 100 เท่า
ใบกระท่อม
ใบกระท่อม (Kratom) หรือ Mitragyna speciosa (Korth.) Havil. เป็นพืชสมุนไพรพื้นถิ่นของภาคใต้ ที่ได้รับการปลดล็อกจากกฎหมายไทยเมื่อปี 2564 มีคุณสมบัติช่วยบำบัดและรักษาโรคต่างๆ เช่น ความเจ็บปวดและอาการเหนื่อยล้า ปัจจุบันกระท่อมมี 3 สายพันธุ์หลัก คือ ก้านเขียว, ก้านแดง, และก้านแดงหางกั้ง ซึ่งสายพันธุ์ก้านแดงและก้านแดงหางกั้งเป็นที่ต้องการในตลาดอุตสาหกรรมแปรรูป เนื่องจากมีสารสำคัญที่เหมาะกับการผลิตเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
แพทย์เตือน “กระท่อม” กินให้พอดีมีประโยชน์ทางยา กินเกินขนาดระวังผลเสียต่อร่างกาย
กรมการแพทย์โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ให้ความรู้ “กระท่อม” ถึงแม้ออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ทางยา แต่หากใช้ในปริมาณที่มากและติดต่อกันเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ พร้อมแนะการนำกระท่อมไปผสมกับสิ่งเสพติดชนิดอื่น รวมถึงจำหน่ายอาหารที่มีส่วนผสมของใบกระท่อมแก่สตรีมีครรภ์และผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มีความผิดตามกฎหมาย
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า แต่เดิมประเทศไทยจัดให้กระท่อมเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แต่ในปัจจุบันได้มีการพิจารณาผ่านรัฐสภาและมีมติปลดล็อกกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูก หรือซื้อ ขาย ใบสด ที่ไม่ได้ปรุงหรือทำเป็นอาหารได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
ทำไมคนถึงรับประทาน ใบกระท่อม
กระท่อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ปานกลางเป็นสมุนไพรท้องถิ่นที่ชาวบ้านใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยใช้ใบสดหรือใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ หรือชงเป็นน้ำชา เพื่อให้มีแรงทำงานได้นานขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่อยากอาหาร ทนแดดมากขึ้น แต่จะเกิดอาการหนาวสั่นเวลาครึ้มฟ้าครึ้มฝน
ใบกระท่อม มีกี่สายพันธุ์
พืชกระท่อมมีอยู่ 3 สายพันธุ์ ที่พบในประเทศไทย ได้แก่
- กระท่อมก้านเขียว – นิยมใช้เพื่อบริโภคหรือเป็นสมุนไพรรักษาโรคในครัวเรือน
- กระท่อมก้านแดง – เป็นสายพันธุ์ที่ตลาดอุตสาหกรรมแปรรูปมีความต้องการสูง เหมาะสำหรับการปลูกเชิงพาณิชย์
- กระท่อมก้านแดงหางกั้ง – มีใบใหญ่และโตไว นิยมปลูกเพื่อส่งโรงงานแปรรูปในอุตสาหกรรมต่างๆ
สรรพคุณและโทษของใบกระท่อม
สรรพคุณ
- ใบกระท่อมมีฤทธิ์ทางยา ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด แก้ท้องร่วง และช่วยให้มีแรงทำงานท่ามกลางแสงแดดได้
- ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า บางพื้นที่เชื่อว่าสามารถบรรเทาโรคเบาหวานได้
- ใช้เป็นยาทดแทนฝิ่นในการบำบัดการติดฝิ่นและมอร์ฟีน เพราะไม่มีการกดระบบทางเดินหายใจหรืออาการคลื่นไส้แบบมอร์ฟีน
- มีสารแอลคาลอยด์ "Mitragynine" ที่ช่วยระงับอาการปวดคล้ายมอร์ฟีน แต่มีฤทธิ์อ่อนกว่า
โทษ
- การใช้ใบกระท่อมในปริมาณมากหรือใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเสพติด เช่น เบื่ออาหาร ท้องผูก นอนไม่หลับ ผิวคล้ำ และอาจเกิดปัญหาในระบบลำไส้ (ถุงท่อม)
- ผู้เสพติดกระท่อมมากๆ จะมีอาการขาดยา เช่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และซึมเศร้า
- มีโทษต่อร่างกายและจิตใจ หากใช้อย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่นำไปผสมกับสารอื่น เช่น ยาแก้ไอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพมาก
อาการข้างเคียงจากการกินใบกระท่อม
- ในคนที่รับประทานใบกระท่อมเป็นครั้งแรก อาจจะมีอาการมึนงง คอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน
- หากใช้ในปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดอาการเมา เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อทรงตัว ระบบประสาทรับสัมผัสตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ลดลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- ในรายที่ใช้มากๆ หรือใช้มาเป็นระยะเวลานาน มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ทำให้มีผิวสีคล้ำและเข้มขึ้น
- การรับประทานใบกระท่อมไม่ควรรับประทานเกินวันละ 5 ใบโดยรูดก้านใบออกแล้วเคี้ยวเหมือนการเคี้ยวหมาก
- เมื่อรับประทานใบกระท่อม บางรายอาจทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน โดยทำให้ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ชัก ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ประสาทหลอน สับสน กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ เหงื่อออก ความดันโลหิตสูง
- อาจพบอาการซึมมากในผู้ที่รับประทานใบกระท่อมปริมาณมาก (มากกว่า 15 กรัมของใบกระท่อม หรือประมาณใบ 10 ใบ)
- ไม่ควรกลืนกากเพราะกากใบเป็นเส้นใยที่ย่อยยาก เมื่อรับประทานบ่อยๆ อาจทำให้เกิด “ถุงท่อม” ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนแข็งอยู่ในท้องและทำให้ปวดท้องได้
- เมื่อหยุดใช้ใบกระท่อมจะทำให้เกิดอาการอยากรุนแรง (Craving) และมีอาการถอน เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอนไม่หลับ หงุดหงิด อ่อนเพลีย ท้องเสีย น้ำมูกไหล แขนขากระตุก ถึงแม้ว่าในปัจจุบันกระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติด และมีการออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ทางยา แต่หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปและติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
ทั้งนี้ยังมีข้อควรระมัดระวังทางกฎหมายที่ควรคำนึงถึง โดยเฉพาะการนำใบกระท่อมไปใช้ผสมกับสิ่งเสพติดอื่น เช่น “สี่คูณร้อย” การขายน้ำต้มกระท่อมในหอพัก สถานศึกษา รวมถึงจำหน่ายอาหารที่มีส่วนผสมของใบกระท่อมแก่สตรีมีครรภ์และผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มีความผิดตามกฎหมาย นอกจากนี้น้ำต้มกระท่อม ชากระท่อม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรต้องขออนุญาตผลิตตามพรบ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562