ภาวะหัวใจล้มเหลว กับ 4 สัญญาณอันตราย
แนะผู้ป่วยที่มี ภาวะหัวใจล้มเหลว ปรับพฤติกรรม ดูแลตนเอง ควบคุมปัจจัยเสี่ยง ป้องกันไม่ให้ภาวะหัวใจล้มเหลวกำเริบมากขึ้น นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หัวใจเป็นอวัยวะในทรวงอก อยู่ระหว่างปอดทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย หากการทำงานของหัวใจผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่ออวัยวะทั้งหมดของร่างกายได้
ภาวะหัวใจล้มเหลว คืออะไร
ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือที่เรียกว่า Heart Failure คือ ภาวะที่หัวใจอ่อนแรงไม่สามารถสูบฉีดเลือดไป เลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างปกติ เนื่องจากหัวใจมีการบีบตัวหรือคลายตัวที่ผิดปกติ บางครั้งหัวใจมีขนาดโตหรือ หนากว่าปกติ
สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว
สาเหตุที่ทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดได้จาก
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคลิ้นหัวใจรั่ว หรือลิ้นหัวใจตีบ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการหรือบกพร่อง
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- การติดเชื้อของกล้ามเนื้อหัวใจ หรือลิ้นหัวใจ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากสารพิษต่างๆ เช่น การดื่มสุรา หรือยาเสพติด
- พันธุกรรม
- โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
- โรคต่อมไร้ท่อ
เป็นต้น
สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวกำเริบมากยิ่งขึ้น เกิดได้จาก
- รับประทานอาหารรสเค็ม หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง
- ดื่มน้ำมากเกินไป (มากกว่าที่ปัสสาวะออกจากร่างกาย)
- รับประทานยาที่ไม่สม่ำเสมอ
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- รับประทานยากลุ่ม NSAIDS
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- ติดเชื้อในร่างกาย
- ภาวะซีดหรือเลือดจาง
อาการของภาวะหัวใจล้มเหลว
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะมีอาการดังนี้
- เหนื่อยง่าย หรือหอบ นอนราบไม่ได้ ต้องหนุนหมอนเพิ่มหรือนั่งหลับ สะดุ้งตื่นมาตอนกลางคืน เพราะอึดอัดหายใจลำบาก
- บวมที่ข้อเท้าและหน้าแข้ง
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่า 2 กิโลกรัม ใน 2 วัน
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และท้องอืด
วิธีป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
ผู้ป่วยควรดูแลและควบคุมปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะหัวใจล้มเหลวกำเริบมากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ดังนี้
- ชั่งน้ำหนักทุกวัน ก่อนทานอาหารเช้าทุกวัน หรือภายหลังเข้าห้องน้ำขับถ่ายแล้วในช่วงเช้า และจดบันทึกน้ำหนักเพื่อช่วยประเมินตนเอง
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ตามแผนการรักษาของแพทย์
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม จำกัดปริมาณโซเดียมที่รับประทานต่อวัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างพอดี อาจเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินทางราบ หากหอบเหนื่อยควรหยุดพักทันที
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพราะสารพิษในบุหรี่จะส่งผลให้เส้นเลือดหัวใจตีบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้การบีบตัวของหัวใจลดลง
- รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
- ตามคำแนะนำของแพทย์ มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
- ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีในกรณีไม่มีข้อห้าม
ผู้ป่วยควรสังเกตอาการตนเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีป้องกันความรุนแรงของโรค และนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ถูกวิธี เพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย