อันตรายถึงชีวิต! “ยาระเบิดพุง” ยิ่งทานยิ่งท้องผูก
จากข่าวหญิงสาวที่สันนิษฐานว่าอาจเสียชีวิตจากการรับประทาน “ยาระเบิดพุง” ทำให้มีคำถามมากมายตามมาว่า “ยาระเบิดพุง” คืออะไร ได้ผลจริงไหม ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และหากอยากระเบิดพุงโดยไม่ใช้ยา ต้องทำอย่างไร Sanook! Health มีคำตอบค่ะ
“ยาระเบิดพุง” คืออะไร?
ร้านค้าออนไลน์ (และออฟไลน์) หลายแห่งโฆษณายาระเบิดพุงว่า ช่วยล้างไขมันออกจากร่างกาย ล้างลำไส้ ดีท็อกซ์ จนทำให้ท้องยุบ และไม่มีโยโย่ (อาการที่น้ำหนักกลับมาพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากน้ำหลักลดลงไปแล้ว) ซึ่งยาเหล่านี้มักแบ่งบรรจุขายเป็นซองบ้าง กระปุกบ้าง สนนราคาเพียง 50-100 บาทเท่านั้น
ส่วนประกอบของ “ยาระเบิดพุง”
ส่วนมากแล้ว พ่อค้าแม่ค้าบางส่วน อาจซื้อยาระบายตามท้องตลาดมาแยกบรรจุภัณฑ์ขาย หรือบางทีอาจจะเอาเลขที่ อย. มาอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งยาระบายเหล่านี้มักมีส่วนประกอบของพืขที่ช่วยในการระบาย เช่น มะขามแขก ส้มป่อย ดอกคำฝอย หรืออื่นๆ มีฤทธิ์ไปกระตุ้น หรือทำให้เซลล์ใยเยื่อบุลำไส้ใหญ่ของเราระคายเคือง จนลำไส้บีบรัดตัว และรู้สึกอยากถ่ายท้องออกมานั่นเอง
ยาระเบิดพุง ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?
หากถามว่าลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ คงต้องตอบว่าใช่ แต่ไม่ใช่การลดน้ำหนักที่ถูกวิธี หรือเป็นวิธีที่ดีต่อร่างกาย เพราะการกระตุ้นร่างกายให้ขับถ่ายบ่อยๆ ส่วนที่ร่างกายเสียไปคือน้ำ ไม่ใช่ไขมันอย่างที่เราเข้าใจ
ยาระเบิดพุง อันตรายอย่างไร?
ฟังดู “ยาระบาย” ที่อ้างว่าเป็นยาระเบิดพุงดูจะไม่น่ามีอันตราย เพราะมาจากสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการระบายเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ยาระบาย ก็ไม่ได้แนะนำให้ทานบ่อยๆ เพราะการไปรบกวนการทำงานของลำไส้ใหญ่บ่อยๆ อาจทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้ลำไส้คุ้นชินกับยามากเกินไป จนเกิดอาการ “ดื้อยา” กล่าวคือ ไม่สามารถถ่ายเองได้ตามธรรมชาติ ต้องพึ่งยาตลอด และจะต้องเพิ่มจำนวนนาที่ทานเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปริมาณยาเท่าเดิมจะเริ่มเอาไม่อยู่ ร่างกายจะอ่อนเพลียจากการสูญเสียเกลือแร่ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ท้องอืดท้องบวม และหากหยุดทานยาเมื่อไร อาจเกิดปัญหาท้องผูกเรื้อรังได้ ซ้ำร้าย หากสูญเสียน้ำ และเกลือแร่มากเกินไป อาจเกิดภาวะช็อค หมดสติ หรือเสียชีวิตได้
ระเบิดพุงยังไง ให้ปลอดภัย?
1. ควบคุมอาหารที่ทาน ลดแป้ง น้ำตาลลง เน้นทานอาหารต้ม นึ่ง น้ำใสๆ ปรุงน้อยๆ เลือกทานแต่ไขมันดี และไม่ทานจุบจิบระหว่างวัน (อ่าน “ชนิดของไขมัน” ที่นี่)
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 45 นาที – 1 ชม. หากอยากเน้นพุง ให้เลือกเครื่องออกกำลังกายในฟิตเนสที่เน้นกล้ามเนื้อท้อง หรือหากออกกำลังกายอยู่บ้าน ให้เน้นท่ากายบริหารที่เน้นกล้ามเนื้อท้องเช่นกัน (อ่าน “พุงหาย! ด้วยท่าออกกำลังกายเพียง 10 วินาทีต่อวัน!” และ “หน้าท้องแบนราบไม่ไกลเกินเอื้อม! หมอแนะ “เก้าอี้” ตัวเดียว “ลดพุง” ได้” ที่นี่)
3. พักผ่อนให้เพียงพอ ยิ่งเข้านอนเร็ว ยิ่งลดโอกาสในการทานอาหาร หรือทานจุบจิบได้มาก
4. อย่าลืมทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า สำคัญที่สุด การงดมื้อเช้า เป็นสาเหตุให้เราทานมื้อกลางวัน หรือเย็นหนักขึ้น
ไขมันที่พุง เราไม่ได้สร้างภายใน 3-4 วัน การที่เราจะทำให้มันหายไป ก็ต้องใช้เวลาให้มากกว่าที่เราใช้เวลาสะสมมันมา เพราะฉะนั้นต้องใจเย็นๆ มีวินัยกับตัวเอง คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้นะคะ สู้ๆ!
ภาพประกอบจาก istockphoto