วิธีรับมือ ติดโควิด-19 โอมิครอน ทำอย่างไรบ้าง?
โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างหนักจนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นคนที่ใกล้ชิดของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งคนที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนหน้านี้ก็ยังติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ได้ อีกทั้งวัคซีน 2-3 เข็มที่ฉีดไปก็ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ไม่มากพอสำหรับสายพันธุ์โอมิครอน
ในภาวะที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ หากติดโควิด-19 ขึ้นมาควรทำอย่างไรบ้าง
วิธีรับมือ ติดโควิด-19 โอมิครอน ทำอย่างไรบ้าง?
เมื่อเรามีอาการต้องสงสัย เช่น ปวดคอ มีน้ำมูก ไอ หรืออาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป ควรตรวจด้วยชุดตรวจด้วยตัวเองแบบ ATK ก่อน และเมื่อได้ผลตรวจเป็น 2 ขีดหรือติดเชื้อ จึงค่อยดำเนินการต่อไป
- อัปเดต 5 อาการ "โอมิครอน" ที่ต่างจากโควิด-19 สายพันธุ์ทั่วไป
- ทิ้งชุดตรวจโควิด-19 ATK อย่างไรให้ถูกต้อง ไม่ปนเปื้อน
วิธีที่ 1 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (นอนเตียงโรงพยาบาล)
-
ตรวจเพื่อยืนยันผลตรวจด้วยวิธี PCR อีกครั้ง
ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน แจ้งว่าต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เพราะตรวจได้ผลบวกจากชุดตรวจ ATK ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอาจขอเรียกตรวจด้วยวิธี PCR เพื่อยืนยันผลตรวจอีกครั้ง
-
เข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลนั้นๆ
ในกรณีที่ทางโรงพยาบาลมีเตียง ห้องพัก หรือโรงพยาบาลสนามที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ สามารถเข้ารับการรักษาต่อกับทางโรงพยาบาลได้ทันที
วิธีที่ 2 รักษาที่โรงพยาบาล Hospitel
หากตัวเองเป็นผู้ป่วยที่ตรวจได้ผลบวกจากชุด ATK และไม่มีอาการหนัก รวมถึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ฯลฯ) สามารถขอรับการรักษาด้วยวิธีการกักตัวใน Hospitel หรือที่โรงแรมหรือสถานที่ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ได้
-
ติดต่อที่โรงพยาบาลที่ให้บริการ Hospitel ที่เราสะดวกเข้าพัก
หรือติดต่อ สปสช ที่เบอร์ 1330 เพื่อเช็กสิทธิก่อนว่าสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลที่ใดได้บ้าง ซึ่งหากเรายินดีรับการรักษาตามสิทธิที่ตนเองได้รับจากภาครัฐ ก็อาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม หรือภาครัฐออกให้บางส่วนได้ แต่หากเรายืนยันขอรับบริการการรักษานอกสิทธิที่ตัวเองได้รับ เช่น ขอเข้ารับการรักษาใน Hospitel ของโรงพยาบาลเอกชน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามแต่ละโรงพยาบาลให้บริการ
ตัวอย่างโรงพยาบาลที่ให้บริการ Hospitel
- โรงพยาบาลกรุงเทพ(ศูนย์วิจัย) โทร 02 310 3000
- โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โทร 02 769 2000
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โทร 02 910 1600
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค โทร 02 804 8959
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง โทร 0 2339 0000
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โทร 02 340 6499
- โรงพยาบาลธนบุรี โทร 02 487 2000
- โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง โทร 0 2220 7999
- โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 โทร 0 2518 1818
- โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล โทร 02 109 9111
- โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โทร 02 836 9999
เป็นต้น
-
เข้าพักในห้องที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้
เมื่อเข้าสู่กระบวนการเข้ารับการรักษาใน Hospitel หรือโรงแรมที่ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยกักตัวอยู่ในห้อง และมีเจ้าหน้าที่นำอาหารและยา และตรวจร่างกายระหว่างรักษาให้
วิธีที่ 3 กักตัวรักษาอยู่ที่บ้านตัวเอง (Home Isolation)
หากในกรณีที่ไม่สามารถหาเตียงในโรงพยาบาล หรือหาห้องจาก Hospitel เพื่อเข้ารับการรักษาได้ อีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยมและสะดวก มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีไม่แพ้กัน หรือการขอกักตัวรักษาเองอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation
-
ติดต่อ สปสช.
หากท่านเลือกที่จะรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพราะมีอาการไม่หนักมาก ได้รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มขึ้นไป ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ฯลฯ) และสามารถกักตัวอยู่บ้านหรืออยู่ในห้องคนเดียวได้ สามารถโทร.สายด่วน สปสช. 1330 กด 14
หรือ ลงทะเบียนด้วยตนเองที่ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI
หรือ ไลน์ สปสช. โดยเพิ่มเพื่อน พิมพ์ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
- เลือกเมนูบริการเกี่ยวกับโควิด-19
- เลือกลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation)
-
รับยา สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
เมื่อเข้าสู่ระบบ Home Isolation แล้ว ผู้ป่วยจะได้รับยา และสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน อาจจะมีปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจน ชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK และยาที่จำเป็นต่อการรักษาอาการต่างๆ รวมถึงอาหารที่จะมีเจ้าหน้าที่จัดหามาให้ถึงบ้านด้วยเช่นกัน (ไม่ต้องมีผลตรวจ PCR)
ระยะเวลาในการกักตัวอยู่ที่ 10-14 วัน แต่บางรายเจ้าหน้าที่อาจพิจารณาให้กักตัวเพิ่ม โดยอาจจะเพิ่มอีก 14 วัน เป็น 28 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกับอาการของผู้ป่วย และการพิจารณาของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ วิธีในการรักษา จะอยู่ที่การพิจารณาของเจ้าหน้าที่ หากเป็นผู้ที่มีอาการหนัก อาจมีความจำเป็นต้องรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยที่รักษาตัวที่ Hospitel หรือ Home Isolation กักตัวอยู่บ้านเอง จะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย ไม่รุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมักอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะเป็นผู้ที่รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ไม่มีอาการหนักมาก
หากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ หรือระหว่างรอการติดต่อกลับมาจากเจ้าหน้าที่ที่อาจใช้เวลา 1-5 วันในการติดต่อกลับ ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองไปพลางๆ ด้วยการกินยารักษาตามอาการ เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ ยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ เป็นต้น และแยกตัวเองออกจากคนในบ้าน อยู่ในห้องคนเดียว ใช้ห้องน้ำแยกคนเดียวหรือใช้คนสุดท้าย ให้คนในบ้านเตรียมอาหารวางไว้ให้หน้าห้อง หรือหากอยู่คนเดียวในห้องหรือคอนโด สามารถทำอาหารกินเองแบบง่ายๆ หรือสั่งอาหารมาส่งให้ที่หน้าบ้านโดยให้ผู้ส่งวางหรือแขวนอาหารเอาไว้ที่นอกบ้าน เป็นต้น
เบอร์โทรติดต่อศูนย์ที่ให้บริการผู้ป่วยโควิด-19
- สปสช. 1330
- สายด่วนกรมการแพทย์ 1668
- สายด่วนจัดหาเตียงในกรุงเทพฯ 1669
- สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
- เฟซบุ๊ก “เราต้องรอด” https://www.facebook.com/savethailandsafe