"ผ่าตัดกระเพาะ" ลดน้ำหนัก ทำได้จริงหรือไม่
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นทางเลือกหนึ่งของใครที่อยากลดน้ำหนักอยู่หรือเปล่า เรื่องนี้ทำได้จริงไหม ได้ผลมากแค่ไหน แล้วใครที่ทำได้บ้าง
รศ.นพ.ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ แพทย์สาขาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤติทางศัลยกรรม ภาควิชาศัลยกรรม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง โดยวิธีการส่องกล้อง เป็นวิธีการลดน้ำหนักเพื่อรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพ ทำโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ใครที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักได้
ผู้ที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อนี้ ถึงจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักได้
- ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 32.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป
- อายุ 18-65 ปี
- ผ่านการลดน้ำหนักด้วยตนเอง ทั้งการคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ไม่ได้ผล
ข้อปฏิบัติก่อนผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดต้องได้รับการควบคุมภาวะโรคร่วม รวมถึงโรคประจำตัวที่มีอยู่ให้ดีก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดอย่างปลอดภัยที่สุด
ข้อปฏิบัติหลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ระยะเวลาพักฟื้นอยู่ที่ 1-2 วันที่โรงพยาบาล ต่อที่บ้านอีก 1-2 สัปดาห์
- กินอาหารทางการแพทย์แบบชง สูตรครบ 5 หมู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วปรับเลือกกินอาหารตามที่แพทย์แนะนำ
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีความหวาน และของหวานอื่นๆ เพราะน้ำตาลจะกระตุ้นให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนยังมีอยู่
- กินวิตามินบีรวม ธาตุเหล็ก และวิตามินดี
- ตรวจร่างกายเป็นระยะ ทุกๆ 3 เดือน เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจะเป็น 6-12 เดือน
ข้อควรระวัง
หลังผ่าตัด อาจกลับมาอ้วนได้อีก หากไม่ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ
นอกจากนี้ วิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากที่สุด คือการเลือกอาหาร จำกัดปริมาณอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ