รักษา “หลอดเลือดสมองตีบ” ด้วยวิธี “ลากสวนลิ่มเลือด” รักษาไว ไม่เป็นอัมพาต
การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ และหลอดเลือดสมองอุดตัน ด้วยวิธี “ลากสวนลิ่มเลือด” วิทยาการการรักษาที่จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการเกิดอัมพาต
การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ และหลอดเลือดสมองอุดตัน ที่อยู่ในสภาวะสมองบางส่วนทำงานผิดปกติจากการขาดเลือดไปเลี้ยง สิ่งสำคัญที่จะทำให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองได้เร็วที่สุด คือการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งการรักษาด้วยวิธี "ลากสวนลิ่มเลือด" สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
"ลากสวนลิ่มเลือด" ขยายเวลาอันตราย จาก 4.5 ชม. เป็น 6 ชม.
แต่การรักษาจะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ในกรณีที่ผู้ป่วยให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ได้ผล หรือมาไม่ทันภายในเวลา 4.5 ชั่วโมง แต่การรักษาด้วยวิธี "ลากสวนลิ่มเลือด" สามารถขยายเวลารักษาได้ถึง 6 ชั่วโมง หลังจากมีอาการ ทำให้การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวค่อนข้างได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ สามารถช่วยผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วหลังการรักษา ช่วยลดโอกาสในการเกิดอัมพาต และที่สำคัญผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ดีตามปกติ
หลอดเลือดสมองตีบ เข้ารักษาที่ รพ. ใกล้ที่สุดได้
ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยใช้สิทธิการรักษา UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
ตลอดเวลาในการรักษาทีมแพทย์จะดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาละลายลิ่มเลือดจนครบ และได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าผู้ป่วยผ่านพ้นภาวะวิกฤตแล้ว แต่หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าไม่สามารถละลายลิ่มเลือดได้ และมีความจำเป็นต้องใช้วิธีการลากสวนลิ่มเลือด ทีมแพทย์ก็จะทำการลากสวนลิ่มเลือดในสมอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา
สัญญาณอันตราย หลอดเลือดสมองตีบ-ตัน
ผศ.นพ. ชัย กอบกิจสุขสกุล แพทย์เฉพาะทางด้านรังสีวิทยาร่วมรักษาระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า อาการที่บ่งบอกได้ว่าอาจเกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง คือ
- มีอาการพูดไม่ชัดเฉียบพลัน
- อ่อนแรงที่แขน และขาหรือชา โดยมักจะเป็นครึ่งซีก
- มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่เห็น
- ปวดศีรษะ วิงเวียน บ้านหมุน และทรงตัวไม่ดีอย่างฉับพลัน
เมื่อพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการนี้ ควรรีบมาโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพราะอาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองได้
สนับสนุนเนื้อหา
