8 วิธีแก้ปัญหา “นอนไม่หลับ” ของผู้สูงอายุ
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่มักมีต่อผู้สูงอายุคือความเชื่อที่ว่า การนอนไม่หลับหรือนอนได้ไม่ดีเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าอายุจะมากขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ยังสามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเข้าใจถึงการปรับตัวและสุขอนามัยของการนอนที่ดี
นพ.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล จิตแพทย์ผู้สูงอายุ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของการนอนหลับที่ถูกพบเมื่ออายุมากขึ้น คือ
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้สูงอายุนอนไม่หลับ
- จำนวนชั่วโมงในการนอนลดลงเล็กน้อย
- มีการตื่นระหว่างคืนมากขึ้นแต่ยังสามารถกลับไปนอนต่อได้
- มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- โรคประจำตัวบางชนิดที่ส่งผลต่อการนอน
- การทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการนอน
- บรรยากาศในบ้านพัก
- การไม่ได้รับแสงแดดในช่วงกลางวันที่เพียงพอ
- การขาดกิจกรรมในช่วงกลางวัน
เป็นต้น
อันตรายจากอาการนอนไม่หลับของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุบางท่านอาจไม่เคยมีปัญหาในเรื่องการนอนมาก่อน แต่เมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลงตามวัย ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีเหตุการณ์สำคัญหรือความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้น ทำให้เกิดการนอนไม่หลับขึ้นมาครั้งแรก หลังจากนั้นจึงเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการนอน เกิดความกลัว ความไม่สบายใจ ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ความเครียดที่ต้องการนอนให้หลับในคืนนี้ ทำให้สมองเกิดการเรียนรู้และจดจำการนอนในรูปแบบใหม่ที่ไม่ผ่อนคลายและไม่สบายตัว ส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขแล้ว
โรคประจำตัวของผู้สูงอายุ ที่ส่งผลต่อการนอน
โรคที่เกิดในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะส่งผลต่อการนอนหรือมีอาการนอนไม่หลับเป็นอาการเริ่มของโรค จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป เช่น
- โรคทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ
- โรคสมองเสื่อม
- โรคหัวใจ
- โรคถุงลมโป่งพอง
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคกรดไหลย้อน
- ภาวะการนอนละเมอ
- กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
- โรคซึมเศร้า
- โรควิตกกังวล
เป็นต้น
นอกจากนี้การนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้เกิดความเครียด อาการอ่อนเพลียระหว่างวัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย และไม่สดชื่น อีกทั้งยังส่งผลต่อความจำ ทำให้ความจำแย่ลงและมีความเสี่ยงในการหกล้มเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงตามมาได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
8 วิธีแก้ปัญหา “นอนไม่หลับ” ของผู้สูงอายุ
เคล็ดลับในการนอนเพื่อเพิ่มสุขอนามัยในการนอนที่ดี สามารถทำได้ ดังนี้
- ควรกำหนดเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
- ทำกิจกรรมผ่อนคลายเป็นเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน เช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำอุ่น จัดเตรียมเสื้อผ้า จัดของใช้ส่วนตัว สวดมนต์ นั่งสมาธิ
- หากนอนไม่หลับไม่ควรนอนบนเตียงต่อ ควรลุกขึ้นมาทำกิจกรรมที่เบาและผ่อนคลาย เมื่อรู้สึกง่วงอีกครั้งจึงกลับไปนอนต่อ
- ผู้สูงอายุไม่ควรนอนหรืองีบในเวลากลางวัน แต่หากฝืนไม่ได้แนะนำให้งีบกลางวันได้ 10-15 นาทีในช่วง 8 ชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน
- ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยงดออกกำลังกายในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน
- งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน
- ไม่ควรรับประทานยานอนหลับโดยไม่ได้พบจิตแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากยาจะส่งผลเสียต่อสมอง ความจำแย่ลง การติดยา การดื้อยา การพลัดตกหกล้ม การเกิดอุบัติเหตุ และการบดบังอาการของโรคอันเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะนอนไม่หลับขึ้นได้
หากมีปัญหาการนอนควรพบแพทย์โดยเร็ว ไม่ควรรอให้เกิดปัญหาเป็นระยะเวลานาน เพราะจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายต่างๆ ตามมา อีกทั้งโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุจะไม่ได้รับการแก้ไข