อันตราย! "ปลาหมึกกรอบ" ปนเปื้อนฟอร์มาลินมากที่สุด

อันตราย! "ปลาหมึกกรอบ" ปนเปื้อนฟอร์มาลินมากที่สุด

อันตราย! "ปลาหมึกกรอบ" ปนเปื้อนฟอร์มาลินมากที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมอนามัย เผยผลตรวจตลาดสด ตลาดนัด 4 ภาค พบปลาหมึกกรอบปนเปื้อนฟอร์มาลินมากที่สุด แนะให้ประชาชนเลือกซื้ออาหารทะเลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดสด น่าซื้อ ของกรมอนามัย สถานที่จำหน่ายอาหารที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อาหารทะเลเป็นอาหารสด เน่าเสียได้ง่าย จึงต้องการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันการเน่าเสีย แต่หากมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค เช่น เชื้ออหิวาต์เทียม (Vibrio parahaemolyticus) ซึ่งมักพบมากในฤดูร้อน จะก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ โรคอุจจาระร่วง ผู้ประกอบการหลายรายจึงได้คิดหาวิธีการต่างๆ เพื่อเก็บรักษาอาหารทะเลให้คงความสด และขยายเวลาจำหน่ายออกไปให้นานขึ้นด้วยการนำมาแช่สารฟอร์มาลิน โดยในปี 2558 กรมอนามัยได้สุ่มตรวจอาหารทะเลในตลาดสด ตลาดนัด ใน 4 ภาค จำนวน 39 แห่ง 273 ตัวอย่าง พบการปนเปื้อนฟอร์มาลิน จำนวน 35 ตัวอย่าง ร้อยละ 12.82 โดยอาหารทะเลที่พบการปนเปื้อนมากที่สุดคือ ปลาหมึกกรอบ ร้อยละ 34.62 รองลงมาคือ ปลาหมึกสด ร้อยละ 20.51

หากกินอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลินเข้าไปในปริมาณมากจะเกิดพิษต่อระบบทางเดินอาหาร อาจมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปาก และคอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายท้อง ปวดท้องอย่างรุนแรง กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ปัสสาวะไม่ออก หมดสติ ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเสียชีวิตเพราะระบบหมุนเวียนเลือดล้มเหลว

นพ.วชิระ กล่าวว่า ประชาชนควรเลือกซื้ออาหารทะเลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดสด น่าซื้อของกรมอนามัย โดยผู้ประกอบการมีบทบาทหลักที่ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยของอาหารทะเลด้วย จำหน่ายอาหารทะเลที่สดใหม่ มีการแช่เย็น หรือแช่น้ำแข็งที่สะอาดปริมาณเพียงพอในภาชนะที่ใส่น้ำแข็งสำหรับแช่อาหารทะเลเท่านั้น และต้องทำความสะอาดภาชนะด้วยน้ำผสมน้ำคลอรีนที่มีความเข้มข้น 100 ppm. เพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 2 นาที ซึ่งน้ำแข็งที่แช่อาหารสดนั้นต้องไม่นำมาบริโภค และเมื่อซื้ออาหารทะเลมาแล้วหากไม่กินทันทีควรเก็บใส่ตู้เย็นเพื่อชะลอการเน่าเสีย ก่อนนำมาปรุงอาหารต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง อีกทั้งการกินอาหารทะเลให้เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ และควรแยกอาหารทะเลที่ปรุงสุก และยังไม่สุกออกจากกัน ที่สำคัญยึดหลัก กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อลดความเสี่ยงโรคอาหารเป็นพิษ และอุจจาระร่วง

“ทั้งนี้ จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคจากสำนักระบาดวิทยา ปี 2558 พบว่า ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 129,638 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 199.06 ต่อแสนประชากร และผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง 1,097,751 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1685.61 ต่อแสนประชากร และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย คิดเป็นอัตราตาย 0.02 ต่อแสนประชากร การกินอาหารทะเล หรืออาหารปรุงประกอบต่างๆ ควรใส่ใจด้านความสะอาด ปลอดภัยเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกิดจากอาหาร และน้ำเป็นสื่อ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

ภาพประกอบจาก istockphoto

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook