อาหารที่หมอญี่ปุ่นยืนยัน กระตุ้นเซลล์ “มะเร็ง”
แพทย์ชาวญี่ปุ่นรวบรวมอาหารที่กินแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งในร่างกายของเราได้
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยทุกคนคงรู้สึกตกใจและกังวลไปต่างๆ นานา ความจริงแล้วหากได้รับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ ก็เป็นโอกาสดีที่จะให้ผู้ป่วยหันมาดูแลร่างกายเพื่อให้ต่อสู้กับมะเร็งได้
นอกจากการบำบัดโดยวิธีทางการแพทย์แล้ว การดูแลตัวเองจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินนั้นสำคัญไม่น้อย มีอาหารมากมายที่ช่วยชะลอและต้านเซลล์มะเร็ง และก็มีอาหารที่คุณหมอชาวญี่ปุ่นไม่แนะนำให้รับประทานหากป่วยเป็นมะเร็งเช่นกัน มารู้กันว่าอาหารเหล่านั้นคืออะไรกันบ้าง
อาหารที่หมอญี่ปุ่นยืนยัน กระตุ้นเซลล์ “มะเร็ง”
คุณหมอฮิโรมิ วาดะ (Hiromi Wada) ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งและโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยกล่าวว่าเซลล์มะเร็งจะชอบสิ่งแวดล้อมในร่างกายที่เป็นกรดมาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้สิ่งแวดล้อมภายในร่างกายมีความเป็นกรด โดยอาหารดังกล่าวได้แก่
- ชีสเค้กแสนหวาน
นมและผลิตภัณฑ์นม เช่น เนย โยเกิร์ต และชีส มี IGF-1 (Insulin-like growth factor) ในปริมาณที่สูง สารชนิดนี้จะไปเร่งอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ดังนั้นชีสเค้กหวานมันจะให้ IGF-1 และน้ำตาลกลูโคสแก่เซลล์มะเร็ง และเปลี่ยนรอบๆ เซลล์มะเร็งให้เป็นกรดที่เซลล์มะเร็งชอบ โดยคุณหมอพบว่าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมีแนวโน้มอยากรับประทานของหวานที่ทำจากชีสและนมเนยมากขึ้น และผู้ป่วยที่หยุดรับประทานนมและผลิตภัณฑ์นมรวมถึงของหวานจะส่งผลในการบำบัดโรคมะเร็งให้มีโอกาสหายได้มากขึ้น
แม้ว่าโยเกิร์ตและชีสจะดีต่อสุขภาพเพราะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในลำไส้และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง แต่เมื่อตรวจพบเซลล์มะเร็ง ชีสและโยเกิร์ตกลับเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยเป็นมะเร็ง คุณหมอแนะนำว่าหากต้องการเสริมสร้างสภาวะสิ่งแวดล้อมในลำไส้ที่ดีก็สามารถใช้อาหารทางเลือกจากสาเกหวาน หรือมิโสะแทนโยเกิร์ตและชีสแทนได้
- เนื้อวัว หมู และผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารแปรรูปจากเนื้อวัว เนื้อหมูและไส้กรอก เมื่อรับประทานเข้าไปจะเพิ่มความเป็นกรดรอบๆ เซลล์มะเร็ง นอกเหนือจากสร้างสภาวะความเป็นกรดที่เซลล์มะเร็งชอบแล้ว สารที่เกิดขึ้นในกระบวนการย่าง อบและปรุงเนื้อสัตว์ ได้แก่ เฮเทอโรไซคลิก เอมีน (Heterocyclic amine, HCA) ที่เกิดจากการปิ้งย่างเนื้อสัตว์จนไหม้เกรียม และสารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbon, PAH) ซึ่งเกิดจากการไหม้เกรียมของเนื้อสัตว์ ปิ้ง ย่าง ทอดกรอบ และรมควัน สารเหล่านี้เป็นสารสำคัญที่ช่วยให้การเจริญของเซลล์มะเร็งดีขึ้นด้วย
ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ แต่ถ้าเกิดตรวจเจอโรคขึ้นมาก็อย่าได้ท้อแท้ใจไป คิดในแง่บวกว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้หันกลับมาดูแลตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อตนเองมากขึ้น จะเป็นการดียิ่งหากเราพยายามตรวจสุขภาพประจำปี เพราะหากเจอโรคแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสรักษาได้หายขาด