4 อาการสัญญาณเตือน เสี่ยง “พาร์กินสัน”
นอกจากอาการสั่นที่เป็นอาการเด่นของโรคนี้แล้ว ยังมีอาการอะไรอีกที่บ่งบอกว่าเราอาจกำลังเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสัน
ศ. นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริ และ พญ.ทิตญา ประเสริฐปั่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า โรคพาร์กินสัน นับเป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทที่พบได้บ่อยโดยพบประมาณร้อยละ 0.3 ของประชากรโดยรวม และในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี พบมากขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 1-2
สาเหตุของโรคพาร์กินสัน
โรคพาร์กินสัน เกิดจากมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่ผิดปกติตกตะกอนและสะสมอยู่ในเซลล์ประสาทที่สมองส่วนกลาง ทำให้เซลล์สมองบริเวณนั้นเสื่อม ซึ่งเซลล์สมองบริเวณนี้ทำหน้าที่สำคัญในการผลิตสารสื่อประสาทที่เรียกว่าโดปามีน มีความสำคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายเมื่อมีการเสื่อมของเซลล์ประสาทจะส่งผลให้สารโดปามีนในสมองลดลงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ
ปัจจัยเสี่ยงโรคพาร์กินสัน
- อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสัน
- สัมผัสสารกำจัดศัตรูพืช
- มีประวัติได้รับการบาดเจ็บของสมองซ้ำๆ เช่น นักมวย เป็นต้น
4 อาการสัญญาณเตือน เสี่ยง “พาร์กินสัน”
ผศ. ดร. พญ. อรอนงค์ โพธิ์แก้ววรางกูล แพทย์ประจำศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสัน และกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ ระบุว่า ผู้ป่วยที่เป็นโณคพาร์กินสันมักจะมีปัญหาการเคลื่อนไหวผิดปกติที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน เช่น
- เคลื่อนไหวช้า
- มือสั่นขณะที่มืออยู่นิ่ง
- กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง
- ทรงตัวได้ไม่ดี
เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ยังไม่มีอาการของโรคพาร์กินสัน ถ้ามีอาการแสดง 4 อาการดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพาร์กินสันในอนาคตได้
- นอนละเมอ
- ท้องผูกเรื้อรัง
- ความสามารถในการรับกลิ่นลดลง
- ซึมเศร้า
หากมีอาการดังกล่าว ร่วมกับมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมิน และวินิจฉัยอาการทันที
การรักษาโรคพาร์กินสัน
ศ. นพ.รุ่งโรจน์ ระบุว่า ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดหรือหยุดยั้งการดำเนินของโรคได้การรักษาจึงมุ่งเน้นการบรรเทาอาการเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตเป็นปกติมากที่สุดปัจจุบันมีทั้งการรักษาด้วยยา การรักษาโดยไม่ใช้ยา และการรักษาขั้นสูง เช่น การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึกด้วยไฟฟ้า เป็นต้น