“มะเร็งปอด” ไม่สูบบุหรี่ก็เสี่ยงได้ ภัยร้ายเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มะเร็งปอด เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายสุขภาพและปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก และจัดเป็นโรคอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตของคนไทยมาตลอดอย่างยาวนาน การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือผู้ที่มีอาการทางปอดจึงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้รู้ถึงความเสี่ยงและสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
นายแพทย์ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยแพทย์ทรวงอกด้านผ่าตัดส่องกล้องปอด โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า ความเสี่ยงหลักของการเกิดมะเร็งปอดคือ บุหรี่ ยิ่งสูบมากยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดและอีกหลายๆ โรคมากขึ้นด้วย เช่น หัวใจ หลอดเลือด สมอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันพบว่าคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็สามารถพบมะเร็งปอดได้บ่อยมากขึ้น โดยมะเร็งจะแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1-2 ก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็ก อาจจะมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองขั้วปอด โอกาสที่คนไข้จะมีอาการจากก้อนมะเร็งนี้ยังมีน้อย ถ้าสามารถเจอได้ในระยะที่ 1 โอกาสหายขาดสูงถึง 80% ขึ้นไป ถ้าเจอในระยะที่ 2 ก็จะค่อย ๆ ลดลงมา 60% ระยะที่ 3 เหลือ 30% แต่ถ้าเจอในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะอันตรายของมะเร็งปอดแล้ว เนื่องจากในช่วงระยะแรกจะไม่มีอาการบ่งบอก ถ้าไม่ได้รับการคัดกรองแล้วมีอาการจากมะเร็ง คนไข้กว่าครึ่งจะเจอในระยะที่ทำให้โอกาสหายขาดน้อยมาก โดยโอกาสในการหายจากมะเร็งจะขึ้นอยู่ว่าเจอมะเร็งในระยะที่เท่าไหร่ ถ้าเจอเร็วจะสามารถรักษาได้เร็วขึ้น ถ้าเจอในระยะที่ 1 จะรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเกิดเจอในระยะที่ 2-3 อาจต้องเพิ่มการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือฉายแสง ระยะที่ 4 รักษาด้วยการยาเคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า หรือภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อประคับประคองอาการ
ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอด
คนที่มีความเสี่ยงควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเป็นประจำทุกปี เพื่อการเตรียมความพร้อมในการรักษารวมถึงการที่แพทย์จะสามารถช่วยวินิจฉัยโรค ประเมินสภาพได้ทัน โดยคนที่มีความเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจคือ
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะเป็นพิษสูง เช่น ใกล้โรงงานที่ปล่อยควันพิษ ควันรถยนต์ ควันบุหรี่
- ผู้ที่ทำงานในที่มีมลภาวะเป็นพิษสูง เช่น ทำงานในโรงงานมีฝุ่น ทำเหมือง โม่หิน มีไอสารเคมี
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรัง เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ
- มีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย
วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปอด
การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่ปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยการ Low-dose CT (Low-dose Computed Tomography) หรือ การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดแบบรังสีต่ำ การทำหนึ่งครั้งจะเทียบได้กับการเอกซเรย์ปอดประมาณสัก 10-20 ครั้ง โดยจะสร้างภาพสามมิติ ทำให้สามารถเห็นจุดในปอดที่มีขนาดเล็กประมาณ 1 - 3 มิลลิเมตรได้ ซึ่งวิธีการเอกซเรย์ปอดแบบทั่วไปจะเป็นการคัดกรองแบบไม่ละเอียดมากนัก ทำให้ไม่สามารถเห็นก้อนมะเร็งขนาดเล็กกว่า 1-2 เซนติเมตรได้ การตรวจพบในระยะที่ดีที่สุดคือเจอตอนก้อนมะเร็งต่ำกว่า 1 เซนติเมตร และไม่มีการลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองหรือส่วนอื่นๆ ทำให้มีโอกาสหายได้มากถึง 92%
ดังนั้นการตรวจคัดกรองจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ถ้าคัดกรองเจอในขณะที่ก้อนมะเร็งยังมีขนาดเล็ก ในระยะที่ 1 หรือ 2 จะรักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้องมะเร็งปอด แต่ในบางกรณีที่เจอจุดเล็กมาก การวินิจฉัยด้วยวิธีอื่นนั้นจะยาก การใช้ระบบนำทางแม่เหล็กไฟฟ้า Electromagnetic navigation bronchoscopy เป็นตัวนำทาง ลักษณะจะคล้าย Google Map เป็นตัวนำทาง ถ้ามาร์คตำแหน่งได้ จะสามารถทำการผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียวได้ และสามารถส่งตรวจวินิจฉัยได้ทันที
การคัดกรองมะเร็งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้ารู้เร็ว รักษาเร็ว ช่วยยับยั้งก่อนลุกลามได้ รวมถึงปอดเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ควรที่จะได้รับการดูแลและรักษาเป็นอย่างดี