ข้อควรรู้ ก่อนศัลยกรรม "ผ่าตัดดึงหน้า"
- การแก้ไขความหย่อนคล้อยด้วยการผ่าตัดดึงหน้า เป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุน้อยลง เนื่องจากได้ผลชัดเจนและคงอยู่ได้นาน
- การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าในปัจจุบัน มีเทคนิคที่ช่วยทั้งในการตรวจ การวางแผนผ่าตัดและในระหว่างการผ่าตัด เช่น การจำลองภาพก่อนผ่าตัด (Photo Simulation) การผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
- แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำ และออกแบบการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เป็นที่ปรารถนาของทุกคน เพราะจะช่วยเสริมสร้างบุคลิก ความมั่นใจในการทำงาน การเข้าสังคม อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถหยุดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถปรับปรุงใบหน้าของเราให้แลดูอ่อนเยาว์ได้
ซึ่งริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้านั้นเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ อายุที่เพิ่มขึ้น แรงโน้มถ่วงของโลก สภาพแวดล้อม แสงแดด ไขมันบนใบหน้าและความเครียด
การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)
นพ. วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่ง รพ. สมิติเวช ศรีนครินทร์ ระบุว่า การผ่าตัดดึงหน้า คือ การทำศัลยกรรมเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และตัดผิวหนังส่วนเกินเพื่อให้ใบหน้ากระชับและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการศัลยกรรมดึงหน้าจะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ดูเป็นธรรมชาติ โดยจะช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้า ด้วยเทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันที่ทันสมัย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไวและอยู่ได้นาน
โดยการผ่าตัดดึงหน้าสามารถเลือกทำได้เฉพาะส่วน เช่น
- การดึงหน้าผาก
- การยกคิ้ว
- ดึงหน้าส่วนกลาง
- การยกโหนกแก้ม
- การดึงหน้าส่วนล่าง
- การแก้ไขเหนียงใต้คาง
- การดึงคอทั้งด้านข้างและตรงกลาง
นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับการศัลยกรรมชนิดอื่น เช่น การผ่าตัดหนังตา การเก็บถุงใต้ตา การเสริมโหนกแก้ม การเสริมจมูก การเสริมคาง การดูดและการเติมไขมันบริเวณใบหน้า เป็นต้น
ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาหรือต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- ไม่จำกัดอายุ พิจารณาตามสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของใบหน้า และความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด
- น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดน้ำหนักให้ได้ตามที่ต้องการก่อนการผ่าตัด
- ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคที่มีความผิดปกติของการหายของแผล (Ehlers-Danlos Syndrome) เป็นต้น
- ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- มีความคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
- มีสุขภาพจิตปกติ
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยงแต่ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน แพทย์จะให้คำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง ให้โอกาสในการซักถามข้อสงสัย จากนั้นจึงร่วมกันในการตัดสินใจในการผ่าตัด
สิ่งที่มักสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้าคือแผลเป็นและผลลัพธ์ที่ได้
- รอยแผลเป็น หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์มาก่อน มักจะได้รับผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงกับที่ต้องการ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำ และออกแบบการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
- ความเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ภาวะเลือดออก (Bleeding) เลือดคั่ง (Hematoma) และภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล ผิวหนังขาดเลือดมาเลี้ยง (Skin necrosis) ซึ่งมักพบในคนที่สูบบุหรี่จัดหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แต่หากควบคุมอาการได้ดีก็ไม่ใช่ข้อห้ามในการผ่าตัด
- การยืด ดึงรั้งหรือตัดขาดของเส้นประสาทใบหน้า Facial Nerve injury (ซึ่งพบได้น้อยเพียง 1-3% เท่านั้น) ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าบางส่วนไม่สามารถทำงานได้ แต่โดยส่วนมาก (90-95%) จะกลับมาทำงานได้ตามปกติภายใน 3-6 เดือน
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
6 เดือน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
- งดยารักษาสิวชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A (Isotretinoin) เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
- งดการทำ Botox, Filler บริเวณใบหน้า
3 เดือน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
- เตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ
- งดการทำ Laser ร้อยไหมบริเวณใบหน้า
4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
- งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
- งดการเจาะ/สักร่างกาย หรืออาบแดด
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือ กำลังมีประจำเดือน หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการเลื่อนประจำเดือน
10 วัน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
- งดยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่
- ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ticlid, Plavix or Aggrenox.
- (โปรดปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความปลอดภัยในการหยุดยา)
- ยาแก้ปวดประเภท Nsaids เช่น Ibuprofen, Advil, Motrin, Nuprin, Aleve, Relafen, Naprosyn,
- Diclofenac, Naproxen, Voltaren, Daypro, Feldene, Clinoril, Lodine, Indocin, Orudis เป็นต้น
- ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น
- งด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, Evening Primrose Oil, Glucosamine, Arnica, Ginseng, Gingko, herbs เป็นต้น
นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า ความเสี่ยง ผลลัพธ์ รวบรวมคำถามที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงความคาดหวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมกับแพทย์ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดดึงหน้า
การฟื้นตัวหลังผ่าตัดขึ้นกับหลายปัจจัยเช่น ความแข็งแรงของสุขภาพก่อนผ่าตัด ชนิดของการผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด
- มักมีอาการตึงในบริเวณที่ผ่าตัด ผิวแห้งและมีอาการเจ็บ ปวดแผลเล็กน้อย แต่สามารถลุกเดินได้ภายในวันแรกหลังผ่าตัด
- สามารถสระผมได้ในวันที่ 2 หลังผ่าตัด แต่ควรใส่ผ้ารัดศีรษะ (Facial Band) ตลอดเวลา
- ควรยกศีรษะสูงในช่วง 7 วันแรก (นอนหนุนหมอน 2-3 ใบ)
- ควรลางานเพื่อฟื้น 2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปทำงานปกติได้
- ควรงดออกกำลังกาย 4 สัปดาห์
- อาการบวมช้ำอาจอยู่ได้นาน 1-3 อาทิตย์ ใบหน้าจะดูบวมมากในช่วง 3-5 วันแรกและจะยุบลงอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์ ต้องรอให้รูปทรงใบหน้าเข้าที่ในเวลา 1-2 เดือน
- ความรู้สึกของผิวหนังบริเวณใบหน้าอาจลดลงและจะดีขึ้นในเวลา 3-6 เดือน
- แผลผ่าตัดมักจะแดงและนูนเล็กน้อยในช่วง 1-3 เดือนแรก และจางลงในเวลา 6-12 เดือน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 3-6 เดือน
ความเสื่อมตามวัยเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำได้เพียงยอมรับและอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความการเปลี่ยนแปลงของวัยเช่น ความหย่อนคล้อย เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้
การแก้ไขความหย่อนคล้อยด้วยการผ่าตัดดึงหน้าเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุน้อยลงเนื่องจากได้ผลชัดเจนและคงอยู่ได้นาน การผ่าตัดนี้จะช่วยจัดการความหย่อนคล้อย ดึงผิวให้เต่งตึง เพื่อให้ใบหน้ากลับมาเยาว์วัยแม้อายุจะมากขึ้น ควรปรึกษาและทำการผ่าตัดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และทำภายใต้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ เพื่อลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด