5 ข้อควรรู้ก่อนเลือก "ยาพ่น" สำหรับคนเป็น "ภูมิแพ้"
![5 ข้อควรรู้ก่อนเลือก "ยาพ่น" สำหรับคนเป็น "ภูมิแพ้"](http://s.isanook.com/he/0/ud/6/34445/asthma-kid.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
เฟซบุ๊กเพจ ภูมิแพ้แก้ได้ Allergic march ระบุถึงข้อมูลการเลือกยาสเตียรอยด์พ่นจมูกให้เหมาะกับลูกๆ และผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดังนี้
5 ข้อควรรู้ก่อนเลือก "ยาพ่น" สำหรับคนเป็น "ภูมิแพ้"
- อายุที่สามารถเริ่มใช้ยาพ่นจมูก
ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกหลายชนิด เริ่มใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 2 ปีขึ้นไป
- ความจำเป็นในการใช้ยาพ่นจมูก
ถ้ามีอาการจามคันคัดจมูกบ่อยๆ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกทุกวันถือเป็นหลักในการรักษา โดยยาพ่นจะช่วยควบคุมอาการได้ดีกว่าการกินยาแก้แพ้เพียงอย่างเดียว
- ระยะเวลาที่ควรใช้ยาพ่นจมูก
หลังจากเริ่มใช้ยาพ่นแล้วถ้าอาการดีขึ้น คุณหมอจะให้ลดการใช้ยาลง จนเหลือขนาดยาที่น้อยที่สุดที่พอจะทำให้สบายดี ไม่มีอาการจาม คัน คัดจมูก ซึ่งรบกวนชีวิตประจำวัน บางคนจะสามารถหยุดยาได้ จนเหลือใช้ยาตามอาการเท่านั้น
- ยาพ่นจมูก กับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกรุ่นใหม่ มีการดูดซึมผ่านกระแสเลือดเข้าสู่ร่างกายน้อยมากๆ คือ น้อยกว่า 1% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าการใช้ยาสเตียรอยด์แบบกินหรือแบบฉีดอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
- การใช้ยาพ่นจมูก กับผลข้างเคียงต่อร่างกาย
งานวิจัยในเด็กพบว่า ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกทุกตัว (ยกเว้น Beclomethasone dipropionate) ไม่ได้ทำให้เด็กมีความสูงน้อยกว่าเด็กกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยา หลังจากใช้ติดต่อกันเป็นปี นอกจากนั้นแล้ว ยาทุกตัวยังไม่รบกวนการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไตอีกด้วย
นอกจากการใช้ยาสเตียรอยด์พ่นยาแล้ว การหมั่นออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น และสำหรับเด็กเล็ก เมื่อไม่มีอาการ จาม คัน คัดจมูกมารบกวนการเรียนรู้ และการนอนหลับ ก็จะมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัยนั่นเอง