อันตรายจาก “ยุงกัด” อาจทำให้ติดเชื้อจนเสียชีวิตได้
เมื่อยุงกัด หลายคนอาจไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ทายาก็หาย หรือบางทีก็ปล่อยไว้เฉยๆ เดี๋ยวกก็หายเอง แต่ในบางครั้งยุงอาจทำให้บางส่วนของร่างกายผิดปกติ ติดเชื้อ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้เลยทีเดียว
อันตรายจากยุงกัด
ในจำนวนน้อยมากๆ แต่อาจเกิดขึ้นได้ คือการโดนยุงกัดแล้วร่างกายติดเชื้อ ลามไปถึงส่วนที่สำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจหรือสมอง แล้วทำให้อาการแย่ลงอย่างรวดเร็วจนเสียชีวิตได้ ในกรณีนี้สามารถเกิดขึ้น แต่อาจจะหลากหลายสาเหตุแตกต่างกันไปเฉพาะแต่ละบุคคล ตำแหน่งที่ยุงกัด ชนิดของยุงที่กัด สภาพร่างกายของคนที่ถูกยุงกัด และอื่นๆ แต่อาจมีความเป็นไปได้จากสาเหตุเหล่านี้
- ติดเชื้อจากแผลยุงกัดอุดตันหลอดเลือด
มีบางกรณีที่เมื่อถูกยุงกัดแล้วแผลบวมอักเสบติดเชื้อ แล้วเชื้อดันเข้าไปอุดตันหลอดเลือด (Septic embolism) โดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) โดยอาจเกิดขึ้นกับตำแหน่งที่โดนยุงกัดและตำแหน่งที่ติดเชื้อที่ใกล้อวัยวะสำคัญ จนทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
- ติดเชื้อไวรัส เวสต์ไนล์ (West Nile)
เชื้อไวรัส เวสต์ไนล์ เป็นเชื้อไวรัสอันตราย เกิดจากไวรัสสายพันธุ์หนึ่งที่พบในนกเป็นส่วนใหญ่ และแพร่กระจายสู่มนุษย์ผ่านยุง อาการของผู้ที่โดนยุงติดเชื้อกัดจะคล้ายกับผู้ที่เป็นหวัด เช่น ปวดหัว มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดข้อต่อและกล้ามเนื้อ ตาแดง เป็นผื่น และอาจมีอาการปวดศีรษะ หรือท้องเสียร่วมด้วย แต่หากมีอาการหนัก อาจติดเชื้อในสมอง ทำให้เป็นอัมพาต สมองถูกทำลาย ไปจนถึงเสียชีวิตได้
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก สาเหตุมาจากยุงลาย มีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และอาจมีผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา ผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดภาวะการไหลเวียนเลือดล้มเหลว หรือภาวะช็อก อาจมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบาเร็ว และความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้เสียชีวิตได้
- มาลาเรีย
มาลาเรีย มีสาเหตุมาจากยุงก้นปล่อง พบได้มากในป่า พื้นที่รกๆ อากาศร้อนชื้น แหล่งน้ำต่างๆ หรือพื้นที่อื่นๆ ทั่วไป อาการของผู้ป่วยโรคมาลาเรีย คือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ชีพจรเต้นเร็ว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หน้าซีดปากซีดจากการที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย เริ่มเข้าสู่ภาวะโลหิตจาง ตัวเหลืองเหมือนดีซ่าน และอาจมีปัสสาวะสีเข้มเหมือนสีน้ำปลา หากอาการหนักจนช็อก อาจเสี่ยงเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโรคที่เป็นโรคอันตรายที่เกิดจากการโดนยุงกัด เช่น เท้าช้าง ไข้สมองอักเสบ ไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนย่า) รวมไปถึงโรคเนื้อเน่า ที่แผลยุงกัดสัมผัสกับแบคทีเรียที่อยู่ในดินหรือในน้ำ และอาจดูแลแผลไม่ดี จนแผลลาม ทำให้แผลติดเชื้อซ้ำซ้อน เป็นต้น
จะรู้ได้อย่างไรว่ายุงกัดแบบไหนถึงอันตราย
ส่วนมากแล้วอาการยุงกัดธรรมดาๆ มักไม่มีอะไรน่ากลัวมาก แต่หากยุงกัดแล้วมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น แผลยุงกัดปวดบวมอักเสบผิดปกติ มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิตฉัยโรค ซักถามอาการและความเป็นไปได้อย่างละเอียดจะดีที่สุด