5 เคล็ดลับทำทุกเช้า ช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลและปลอดภัย
วิธีช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย แถมยังช่วยควบคุมความดันและน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นอีกด้วย
นพ.นันทพล พงศ์รัตนามาน อาจารย์ที่ปรึกษา แผนกศัลยศาสตร์หลอดเลือด ร.พ.พระมงกุฎเกล้า หรือ หมอท็อป ระบุว่า เราสามารถลดน้ำหนักมากถึง 10 กิโลกรัม ลดพุง ลดโรค แถมยังช่วยให้เราควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลเลือดให้เป็นปกติได้อีกด้วย เพียงแค่ทำตาม 5 ข้อนี้ในทุกๆ เช้าเท่านั้น
5 เคล็ดลับทำทุกเช้า ช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลและปลอดภัย
-
ตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกเช้า
การตื่นนอนให้ตรงเวลาในทุกๆ วันเป็นการปรับนาฬิกาชีวิตในร่างกาย ทำให้ร่างกายจดจำเวลาที่เราตื่น และเริ่มต้นทำการเผาผลาญพลังงานหลังจากที่ลดการเผาผลาญลงในช่วงเวลานอน หากเราตื่นนอนไม่ตรงเวลา ร่างกายอาจจะยังไม่เริ่มต้นเผาผลาญพลังงานในเวลาที่ควรจะเป็น
นอกจากจะตื่นนอนให้ตรงเวลาแล้ว ควรเข้านอนให้ตรงเวลาด้วย เพราะจริงๆ แล้วร่างกายของเราสัมพันธ์กับพระอาทิตย์ขึ้น-ตกเป็นหลัก ร่างกายจะปรับฮอร์โมนให้ทำงานตามเวลานั้นๆ ทั้งฮอร์โมนเครียด ฮอร์โมนหิว ฮอร์โมนกระตุ้นระบบเผาผลาญ ฮอร์โมนเร่งระบบเผาผลาญ ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว ทั้งหมดนี้จะทำงานได้อย่างเป็นปกติ ดังนั้นเราลดน้ำหนักอย่างได้ผลได้ง่ายๆ เพียงเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา เวลาที่เหมาะสมคือ นอนช่วง 22.00-6.00 น. จะทำให้เป็นคนที่ไม่อ้วนง่ายด้วย
-
หลังตื่นนอน ดื่มน้ำทันที
ควรดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน ราวๆ 300 มล. โดยเป็นน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องก็เพียงพอแล้ว การดื่มน้ำเป็นการกระตุ้นร่างกายให้เริ่มทำงาน และทำให้ร่างกายเริ่มมีการเผาผลาญพลังงานเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเติมน้ำให้กับร่างกายหลังจากไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายชั่วโมงอีกด้วย
-
เร่งระบบเผาผลาญตอนเช้า ด้วยกาแฟดำ หรือชาร้อน
การดื่มกาแฟดำ หรือชาร้อนในตอนเช้า ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกายตั้งแต่เช้า เพราะในกาแฟดำและชาร้อนมีคาเฟอีน คาเทชิน สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ และเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ให้พลังงาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังทำ IF หรือ Intermittent Fasting นอกจากนี้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟดำและชาร้อนยังช่วยทำให้เราสดชื่นขึ้นในตอนเช้าได้
แต่ที่ไม่แนะนำ คือ น้ำขิง เพราะน้ำขิงมาจากพืชมีหัว นำไปผ่านกระบวนการต่างๆ จนเป็นเครื่องดื่มที่ให้แคลอรี่แม้ว่าจะไม่ได้เติมน้ำตาลเพิ่ม
-
ออกกำลังกายในตอนเช้า (ตอนที่ท้องว่าง)
หากมีเวลา สามารถเลือกออกกำลังกายในตอนเช้าได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องกำลังว่าง ซึ่งจะทำให้เราเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติถึง 2 เท่า โดยเน้นเวทเทรนนิ่ง หรือ HIIT (ออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา) ออกกำลังกายไม่มากและไม่น้อยเกินไป ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน เพราะกล้ามเนื้ออาจจะยังไม่ทันได้ซ่อมแซม และหากได้ออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือในที่ๆ ผิวได้สัมผัสกับแสงแดด จะยิ่งเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า นอกจากนี้แสงแดดยังช่วยเพิ่มความตื่นตัวให้กับเราได้อีกด้วย
-
มื้อเช้า+มื้อเที่ยง
เราสามารถรวบมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเป็นมื้อเดียวกันได้ สามารถกินตอน 10-11 โมง หรือกินตอนเที่ยงเลยก็ได้ เพื่อการยืดเวลาในการอดมื้ออาหาร หรือการทำ IF นั่นเอง มื้อเช้าเป็นมื้อที่สามารถข้ามได้ หรือกินให้ช้ากว่าเวลาปกติได้ (ไปกินตอนสายรวบกับมื้อเที่ยง) โดยที่ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก และยังอาจส่งผลดีมากขึ้นอีกด้วย แต่การกินเพียงมื้อสายกับมื้อเย็นเพียง 2 มื้อต่อวัน ต้องกินในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสม เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ลดแป้งและอาหารที่มีไขมันสูง เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ ต้องกินโปรตีนและผักผลไม้ให้เพียงพอด้วย