6 เรื่องควรรู้ ก่อนใช้ยาเลื่อนประจำเดือน เพื่อยุติการตั้งครรภ์

6 เรื่องควรรู้ ก่อนใช้ยาเลื่อนประจำเดือน เพื่อยุติการตั้งครรภ์

6 เรื่องควรรู้ ก่อนใช้ยาเลื่อนประจำเดือน เพื่อยุติการตั้งครรภ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยาเลื่อนประจำเดือน ใช้ยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม ตามวิจารณญาณและคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ในประเทศไทย ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีที่ถูกต้องได้ หนึ่งในนั้นคือการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน โดยสามารถกินได้แม้ว่าจะผ่านการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว แต่มีเรื่องที่ควรรู้ก่อนใช้วิธนี้ และก่อนใช้ยังแนะนำให้เข้ารับการตรวจร่างกายและรับคำแนะนำจากแพทย์อย่างละเอียดก่อนเสมอ

ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง

สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง  ที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ ประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิด คือ Mifepristone หรือ RU486 (200 มิลลิกรัม) และ Misoprostal หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไซโตเทค Cytotec (200 ไมโครกรัม)

  • ยา Mifepristone หรือ RU486 ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 เพื่อใช้ในอายุครรภ์ที่ไม่เกิน 9 สัปดาห์ 
  • ยา Misoprostal ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเพื่อการรักษาโรคกระเพาะอาหาร และรักษาโรคทางนรีเวช เป็นยาควบคุมพิเศษ หาซื้อตามร้านขายยาไม่ได้ ต้องใช้ภายใต้การกำกับของแพทย์

ใครที่สามารถใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ได้บ้าง

  1. ผู้หญิงอายุ 18-45 ปี
  2. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด ไม่ว่าจะก่อน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว
  3. ไม่อยู่ในเกณฑ์อันตรายต่อการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง เช่น
  • เป็นโรคไต หรือโรคต่อมหมวกไตขั้นรุนแรง
  • เป็นโรคเลือดขั้นรุนแรงมีภาวะเลือดออกไม่หยุด
  • เป็นโรคปอดรุนแรงหรือหอบหืดต้องใช้ยาควบคุมอาการ
  • การตั้งท้องนั้นเป็นท้องนอกมดลูก (เกิดได้ 1-2% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมดต้องตรวจอัลตร้าซาวด์เท่านั้นจึงจะทราบ)

ข้อควรระวังในการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง

นพ.อมร แก้วใส ผู้ประสานงานเครือข่าย RSA  (Referral system for safe abortion) ระบุข้อควรระวังก่อนใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ที่ควรทราบ ดังนี้

    1. ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจริงๆ ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง โดนตรวจทั้งที่ตรวจครรภ์แบบใช้ปัสสาวะ และอัลตราซาวด์เพื่อตรวจอายุครรภ์ และดูว่ามีการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือไม่
    2. ไม่ควรใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง หากมีคนอื่นบังคับให้เราทำแท้ง หรือมีโรคดังนี้
      - โรคเลือดออกผิดปกติ
      - โรคต่อมหมวกไต
      - ตั้งครรภ์นอกดมดลูก
      - ใส่ห่วงอนามัยค้างอยู่ (ต้องเอาห่วงออกก่อนใช้ยา)
      - แพ้ยาไมโซโพรสตอล Misoprostol (ไซโตเทค) หรือ โพรสตาแกลนดิน
    3. ควรมีเพื่อนหรือคนที่คุณไว้ใจได้ อยู่กับเมื่อคุณใช้ยานี้ เพื่อช่วยเหลือยามฉุกเฉิน
    4. ในอายุครรภ์ก่อนถึง 13  สัปดาห์ พบมากกว่า 75% จะแท้งภายใน 24 ชม. หลังเริ่มอมยา บางรายอาจนานกว่าและที่เหลือส่วนใหญ่จะแท้งเองภายใน 72 ชม. มากถึง 95% และสามารถเริ่มใช้ยารอบใหม่ได้จนแท้งสมบูรณ์
    5. ในอายุครรภ์ 13-20 สัปดาห์ (ต้องทำในโรงพยาบาล) พบว่าประมาณ 50% จนแท้งภายใน 10-15 ชม. หลังเริ่มอมยา และแท้งสมบูรณ์ภายใน 24  ชม. สูงถึง 80-90% และที่เหลือส่วนใหญ่จะแท้งภายใน 72 ชม. 
    6. การยุติตั้งครรภ์ตามกฎหมายโดยแพทย์ (และตามข้อบังคับของแพทยสภา) ทำได้ด้วยเหตุผลที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ตั้งครรภ์ทั้งทางสุขภาพกาย และสุขภาพจิต หรือเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา เช่น ถูกข่มขืน ล่อลวง บังคับ ในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา ไม่ต้องมีใบแจ้งความก็สามารถยุติตั้งครรภ์ได้ตามกฎหมาย ถ้าผู้ปกครองและผู้ตั้งครรภ์ร้องขอ

หากสนใจเข้ารับคำปรึกษาการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ติดต่อได้ที่ โทร. 0658601056 คุณกังสดาล หรือ คุณชลาลัย ติดต่อได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 6.00-20.00 น. หรือไลน์แอด @emiproject

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook