ภูมิแพ้แฝง คืออะไร จำเป็นต้องงดอาหารตามที่ตรวจเจอหรือไม่

ภูมิแพ้แฝง คืออะไร จำเป็นต้องงดอาหารตามที่ตรวจเจอหรือไม่

ภูมิแพ้แฝง คืออะไร จำเป็นต้องงดอาหารตามที่ตรวจเจอหรือไม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำความรู้จัก “ภูมิแพ้แฝง” อย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องเจาะเลือดตรวจและงดอาหารที่แพ้ทั้งหมดหรือไม่

รศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน แพทย์สาขาวิชาโรคจมูก และโรคภูมิแพ้ ภาควิชา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า ภูมิแพ้ คือ “อาการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบโต้กับสิ่งต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม แตกต่างไปจากคนปกติทั่วไป ร่างกายของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้แทนที่จะสร้างภูมิต้านทานโรคกลับไป สร้างภูมิชนิดที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้แทน ภูมิชนิดนี้เรียกว่า ไอ-จี-อี หรือ IgE” 

สารที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ มีตั้งแต่ภูมิแพ้ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ แต่ที่มักจะเป็นกันบ่อยๆ คือ ภูมิแพ้อาหาร

หลายคนมีอาการภูมิแพ้อาหารที่ค่อนข้างชัดเจน เช่น แพ้กุ้ง แพ้ปู แพ้ถั่ว กินแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นขึ้น คันผิวหนัง ปากบวม ฯลฯ หากมีอาการหนักมากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

แต่นอกจากภูมิแพ้อาหารปกติ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “ภูมิแพ้แฝง” ที่อาจทำให้คนสับสนว่ามีความแตกต่างจากภูมิแพ้ปกติอย่างไร

ภูมิแพ้แฝง คืออะไร

จริงๆ แล้ว คำว่า “ภูมิแพ้แฝง” ไม่มีบัญญัติในการแพทย์มาตรฐาน

ภูมิแพ้อาหาร แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

  1. ภูมิแพ้อาหารเฉียบพลัน (Food Allergy)

ร่างกายแสดงอาหารผิดปกติหลังกินอาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้เข้าไป โดยระบบภูมิคุ้มกันทำงานเกินกว่าปกติ คิดว่าสิ่งที่กินเข้าไปเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงเกิดปฏิกิริยาเฉียบพลันเพื่อต่อต้านสิ่งที่กินเข้าไปทันที โดยมีอาการหลากหลาย ตั้งแต่มีผื่นคัน อาเจียน ท้องเสีย ช็อก หายใจติดขัด หอบ และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้ อาการสามารถเกิดขึ้นได้หลังกินอาหารเข้าไปทันที ไปจนถึงช่วงระยะเวลาราวๆ 2-4 ชั่วโมงหลังกินเข้าไป

สามารถตรวจเลือดเพื่อยืนยันผลว่าเราแพ้อาหารชนิดจริงๆ ได้ ด้วยการตรวจเลือดหา specific IgE หรือภูมิชนิดที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้

  1. ภูมิแพ้อาหารไม่เฉียบพลัน

ปัจจุบันยังไม่มีการส่งตรวจเลือดใดที่ช่วยยืนยัน

รู้จักอาการ “ทนต่ออาหารไม่ได้” (Food Intolerance)

อาการทนต่ออาหารไม่ได้ หรือ Food Intolerance ไม่ใช่อาการแพ้อาหาร ไม่นับว่าเป็นโรค เป็นภาวะผิดปกติทางระบบย่อยอาหารซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสารอาหารบางชนิดได้

ตัวอย่างอาการทนต่ออาหารไม่ได้

  • ดื่มนมแล้วมีอาการถ่ายเหลว ท้องอืด เพราะร่างกายทนต่อแลคโตสในนมวัวไม่ได้
  • กินผลไม้แล้วปวดท้อง ท้องเสีย เพราะร่างกายทนต่อฟรักโทสไม่ได้
  • ดื่มแอลกอฮอล์แล้ว หน้าแดง ตัวแดง ร้อนตามตัว เพราะร่างกายทนต่อแอลกอฮอล์ไม่ได้

อาการจากภาวะทนต่ออาหารไม่ได้ (Food Intolerance) มักจะไม่แสดงอาการในทันทีทันใด แต่จะแสดงอาการก็ต่อเมื่อมีการทานอาหารชนิดนั้นในปริมาณมาก หรือทานบ่อยๆ ซ้ำๆ

อาการส่วนใหญ่มักเกิดหลังทานอาหารแล้วอย่างน้อย 48 ชั่วโมง และอาการก็จะไม่ได้รุนแรงเพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเล็กน้อย จนทำให้หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองแพ้อาหารสิ่งนั้น

ภูมิแพ้แฝง ไม่มีอยู่จริง

ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้อาหารแฝง หรือภูมิแพ้แฝง จริงๆ แล้วไม่มีบัญญัติในการแพทย์มาตรฐาน การเจาะเลือดตรวจหาภูมิแพ้แฝงจึงไม่มีความจำเป็น เพราะผลการตรวจเลือดหา Food specific IgG (ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอม) ไม่ได้รับการยอมรับจาก สมาคมโรคภูมิแพ้ฯ ทั้งจากสหรัฐอเมริกา แคนาดา กลุ่มประเทศฝั่งยุโรป รวมทั้ง สมาคมโรคภูมิแพ้แห่งประเทศไทย

มีอาการผิดปกติหลังกินอาหาร ควรทำอย่างไร

หากสงสัยว่าตัวเองอาจแพ้อาหารบางอย่าง แพทย์อาจซักถามอาการเพื่อประกอบการวินิจฉัย และตรวจเลือดหา specific IgE (ไม่ใช่ IgG) เพื่อยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นโรคแพ้อาหาร (Food Allergy) จริงหรือไม่

การตรวจหา Allergen-specific IgE ช่วยให้ทราบชนิดสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นต้นเหตุ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อทำการหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นตัวกระตุ้นที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวสัตว์ เพื่อลดอาการรุนแรงของโรค รวมทั้งนำข้อมูลนี้มาใช้เตรียมวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen-specific immunotherapy) สำหรับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้

แต่การตรวจเลือดหา Food specific IgG ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ และยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคแพ้อาหารแบบไม่เฉียบพลัน และภาวะทนต่ออาหารได้ อีกทั้งยังมีราคาตรวจที่แพง ผลตรวจทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เข้าใจผิด และต้องงดอาหารโดยไม่จำเป็น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook