สังเกตุ! ตุ่ม-ผื่นแบบไหน สงสัยว่าจะเป็นอาการ “ฝีดาษลิง”

สังเกตุ! ตุ่ม-ผื่นแบบไหน สงสัยว่าจะเป็นอาการ “ฝีดาษลิง”

สังเกตุ! ตุ่ม-ผื่นแบบไหน สงสัยว่าจะเป็นอาการ “ฝีดาษลิง”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคฝีดาษลิง เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส orthopoxvirus เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนที่พบได้น้อย โรคนี้พบมากในแอฟริกากลาง และตะวันตก โดยเชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษในคน และฝีดาษวัว พบในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะหลายชนิด เช่น หนู กระรอก กระต่าย เป็นต้น สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงก็อาจติดเชื้อได้ รวมทั้งคนก็สามารถติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน

ตุ่ม-ผื่นแบบไหน สงสัยเป็นอาการฝีดาษลิง

ตัวอย่างตุ่มผื่นระยะตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด โรคฝีดาษลิง หรือ ฝีดาษวานรอาการฝีดาษลิง

ลักษณะของผื่นจะเริ่มจาก จุดแดงๆ กลมๆ หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็น ตุ่มน้ำใส และ กลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด ในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงที่ผื่นเป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงสุด หากผื่นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะถือว่าพ้นจากระยะการแพร่เชื้อ ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ทำให้หลังจากผื่นตกสะเก็ดจะทำเกิดรอยโรคหรือรอยแผลเป็นได้ 

อาการฝีดาษลิงในคน

  1. มีไข้ หนาวสั่น
  2. ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
  3. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
  4. อ่อนเพลีย
  5. จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา อวัยวะเพศ ใบหน้า หรือลำตัว
  6. จากผื่น จะกลายเป็นตุ่มหนอง
  7. ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา

ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคฝีดาษลิง หลังติดเชื้อประมาณ 12 วัน

เมื่อพบว่าตัวเองมีไข้ มีผื่นขึ้นในลักษณะดังกล่าว บวกกับเป็นผู้มีความเสี่ยง เช่น เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ข้องเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ใกล้ชิดกับผู้ป่วยต้องสงสัยโรคฝีดาษลิง รวมถึงมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ควรพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจอย่างละเอียด และรับการรักษาอย่างถูกต้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook