ปัจจัยกระตุ้นอาการ "ลมพิษเรื้อรัง" ไม่รีบรักษา อาจอันตรายกว่าที่คิด
การเกิดโรคลมพิษแม้ไม่อันตรายถึงชีวิตแต่ส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่สบายตัว รำคาญใจ โดยเฉพาะโรคลมพิษเรื้อรังที่สร้างความรำคาญจากอาการคันได้อย่างต่อเนื่อง จนรบกวนคุณภาพชีวิตตลอดจนการนอน การได้รับการรักษาโดยเร็วและมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น
อาการของโรคลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria) คืออะไร
พญ.ลินน่า งามตระกูลพานิช แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิแพ้และหอบหืด ศูนย์ภูมิแพ้และหอบหืด ร.พ.กรุงเทพ กล่าว โรคลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria) จะมีอาการผื่นลมพิษแบบเป็นๆ หายๆ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเป็นต่อเนื่องนานเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป ลักษณะ เป็นผื่น นูนแดง บวม คันมาก ขนาดต่างกัน เกิด ตามที่ต่างๆ ของร่างกาย อาการกำเริบได้ เวลาร้อน หรือเครียด หากผื่นอยู่นานอาจทิ้งรอยดำและมีจุดเลือดออกในผื่นได้
อันตรายของโรคลมพิษเรื้อรัง
โรคลมพิษเรื้อรัง ยังทำเสียบุคลิกภาพและความมั่นใจ อาจนำไปสู่ปัญหาการนอนไม่หลับได้ แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่การปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลเสียในระยะยาว
ปัจจัยกระตุ้นอาการของโรคลมพิษเรื้อรัง
ลมพิษเรื้อรังมีปัจจัยที่กระตุ้นให้โรคกำเริบ เช่น
- ปัจจัยกระตุ้นทางกายภาพต่อผิว
- ความเย็น
- วัตถุเย็น
- แรงกด
- ความร้อน
- แรงขีดข่วนผิว
- โรคเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและฮอร์โมน
- โรคไทรอยด์เป็นพิษ
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- การติดเชื้ออาหาร
- อาหารทะเล
- สารกันบูด
- ของหมักดอง
- การติดเชื้อ
- เชื้อไวรัส
- เชื้อแบคทีเรีย
- เชื้อรา
- การแพ้สารสัมผัส
- ขนสัตว์
- ถุงมือยาง
- ไรฝุ่น
- พิษแมลง
- เนื้องอกและมะเร็งอวัยวะต่างๆ
- ยาบางชนิดที่ร่างกายเกิดการแพ้
ทั้งนี้ผื่นลมพิษเรื้อรังมีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ มีลักษณะปื้นนูนแดง คันไม่มีขุยขอบเขตชัดเจน ผื่นกระจายอย่างรวดเร็ว มีทั้งวงกลมรีวงแหวนทั้งแขนขาใบหน้ารอบดวงตา ปากผู้ป่วยบางคนอาจปากบวมและตาบวมร่วมด้วย นอกจากนี้ ความเครียดมีผลกับการเห่อของโรคได้
การตรวจวินิจฉัยลมพิษเรื้อรัง
การตรวจวินิจฉัยลมพิษเรื้อรังจะเริ่มจากซักประวัติเกี่ยวกับผื่น ระยะเวลาที่เกิดผื่น ปัจจัยที่กระตุ้นผื่น รวมถึงการตรวจร่างกายอย่างละเอียด พิจารณาลักษณะผื่น ตรวจเลือด ตรวจทางห้องปฏิบัติการตามคำแนะนำของแพทย์ การรักษาลมพิษเรื้อรังเป็นไปตามสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นเป็นสำคัญเพื่อลดผื่นที่เกิดขึ้น โดยเป็นการรักษาด้วยยา ได้แก่ ยาต้านฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ ช่วยรักษาและควบคุมอาการของโรค จะมีหลายชนิดและมีผลข้างเคียงแตกต่างกัน รวมถึงผู้ป่วยต้องมีการปรับยาเป็นระยะ จึงจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ได้รับยาที่เหมาะสมในระยะยาว และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ยาในกลุ่มอื่นๆ ในกรณีที่ผู้ป่วยลมพิษเรื้อรังมีอาการหนัก ได้รับยาฮีสตามีนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะทำการพิจารณาให้ยาเพิ่มเติม เช่นยาฉีด กลุ่ม steroid ตลอดจน ยา กลุ่ม biologic เพื่อยับยั้งการสร้างและหลั่งสารที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษ เพื่อให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นโดยเร็วที่สุด ดูแลให้ถูกวิธีเมื่อป่วยลมพิษเรื้อรัง ต้องเลี่ยงสาเหตุและปัจจัยที่กระตุ้นให้ผื่นลมพิษกำเริบ กินยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากกินยาแล้วมีอาการง่วงซึมจนกระทบการทำงานและการใช้ชีวิตควรแจ้งแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยา ห้ามหยุดกินยาด้วยตัวเองต้องแพทย์สั่งเท่านั้น
และที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่แกะเกาที่ผิวหนัง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ทำใจให้สบายไม่เครียด ลมพิษเรื้อรังอาจต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนานกว่าจะควบคุมโรคได้ ผู้ป่วยจึงควรมีวินัยในการกินยาและพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง ที่สำคัญดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ